facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list

NDC (Nationally Determined Contribution)

 

NDC (Nationally Determined Contribution)

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ

หน่วยประสานงานกลางของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

- สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)

หน่วยงานภาคพลังงาน

- สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)

- กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)

- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)

หน่วยงานภาคการขนส่ง

- สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)

- สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)

หน่วยงานภาคของเสีย

- กรมควบคุมมลพิษ (คพ.)

- กรุงเทพมหานคร (กทม.)

- กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)

หน่วยงานภาคกระบวนการอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ (IPPU)

- กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)

- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) 

หน่วยงานภาคการเกษตร

- สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)

- กรมวิชาการเกษตร (กวก.)

- กรมการข้าว (กข.)

- กรมปศุสัตว์ (กปศ.)

คู่มือการติดตามประเมินผลการลดก๊าซเรือนกระจก (ภาคพลังงาน)

คู่มือแนวทางการติดตามประเมินผลการลดก๊าซเรือนกระจก จากมาตราการภาคพลังงาน ประกอบไปด้วย

  1. โครงสร้างและแนวทางการประเมินผลการลดก๊าซเรือนกระจกในระดับมาตรการ/นโยบาย
  2. หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกมาตรการ/นโยบายที่เกี่ยวข้องและมีศักยภาพในการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย
  3. การกำหนดกรณีฐานและการพัฒนาวิธีคำนวณการลดก๊าซเรือนกระจกในระดับมาตรการ/นโยบาย
  4. วิธีคำนวณการลดก๊าซเรือนกระจกจากมาตรการพลังงานทดแทน
  5. วิธีคำนวณการลดก๊าซเรือนกระจกจากมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน
  6. วิธีคำนวณค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้อง

เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ NDC (Nationally Determined Contribution)

          การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดภายหลังปี ค.ศ. 2020 หรือ NDC (Nationally Determined Contribution) เกิดขึ้นจากข้อเสนอเดอร์บัน (Durban Platform 2011) ซึ่งเป็นมติจากการประชุม COP17 ที่ ประเทศแอฟริกาใต้ ส่งผลให้มีการจัดทำกรอบความตกลงฉบับใหม่มาใช้ ต่อมาในที่ประชุม COP 21 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ได้รับรองความตกลงปารีส (Paris Agreement) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2558 การมีส่วนร่วมของแต่ละภาคี เป็นไปตามที่ประเทศกำหนด โดยข้อ 4 ของความตกลงปารีสกำหนดให้แต่ละภาคีต้องจัดทำแจ้งและจัดให้มีการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally determined contributions: NDCs) อย่างต่อเนื่อง โดยแจ้งทุกๆ 5 ปี ซึ่งจะแสดงถึงความก้าวหน้าที่เพิ่มขึ้น และสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่เป็นไปได้สูงสุด ตามหลักความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างโดยคำนึงถึงขีดความสามารถของแต่ละภาคี (Common but differentiated responsibilities and respective capabilities, in the light of different national circumstances)

          ความตกลงปารีสได้กำหนดเป้าหมายที่สำคัญสำหรับการดำเนินงานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ต่ำกว่า 2oC และมุ่งมั่นความพยายามในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5oC จากระดับอุณหภูมิเฉลี่ยก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวแต่ละประเทศมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับสูงที่สุดของโลก (Global peak) โดยเร็วที่สุด และหลังจากนั้นจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างรวดเร็ว (Deep cut) ให้ถึงระดับการปล่อยสุทธิเป็นศูนย์ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 21 บนพื้นฐานของความเป็นธรรม ในบริบทการพัฒนาที่ยั่งยืนและความพยายามที่จะขจัดความยากจน

           ความตกลงปารีส จะมีผลบังคับใช้และผูกพันทางกฎหมายหลังจากภาคีอนุสัญญาฯ อย่างน้อยที่สุด 55 ภาคีซึ่งมีความรับผิดชอบรวมกันต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อยที่สุดประมาณร้อยละ 55 ของจำนวนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของโลก ได้มอบสัตยาบันสาร (Instrument of ratification) สารการยอมรับ (Instrument of acceptance) สารการให้ความเห็นชอบ (Instrument of approval) หรือภาคยานุวัติสาร (Instrument of accession) โดยเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558 มีประเทศที่ให้สัตยาบันสารครบตามที่กำหนดข้างต้น ทำให้ความตกลงปารีสมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 จากข้อมูล ณ กรกฎาคมพ.ศ. 2561 มีภาคีจำนวน 179 ภาคี ได้เสนอให้สัตยาบันสารต่อความตกลงปารีสแล้ว และมีการยื่นข้อเสนอ NDC แล้ว จำนวน 165 ฉบับ

          สำหรับประเทศไทยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายหลังปี ค.ศ. 2020 (Intended Nationally Determined Contribution : INDC) และเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก ปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558 โดยกำหนดเป้าหมายขั้นต่ำที่ร้อยละ 20 และกำหนดเป้าหมายขั้นสูงที่ร้อยละ 25 จากกรณีปกติ และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลางของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยื่นข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายหลังปี ค.ศ. 2020 (INDC) ต่อสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งประเทศไทยได้เสนอการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายหลังปี ค.ศ. 2020 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ทั้งนี้ภายหลังความตกลงปารีสมีผลบังคับใช้ ให้ถือว่าภาคีที่ส่ง INDC แล้วเปลี่ยนสถานะเป็น NDC ตามมติ 1/CP.21 Para 22 นอกจากนี้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังได้ประกาศเป้าหมายดังกล่าวในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยที่ 70 ณ นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2558 และในวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559 ประเทศไทยได้ให้สัตยาบัน (Ratification) ต่อความตกลงปารีส (Paris agreement) ซึ่งถือเป็นหลักหมายสำคัญในการร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศและของโลกอีกด้ว

นโยบายและแผนที่เกี่ยวข้องกับการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ

การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2
Thailand's 2nd Updated Nationally Determined Contribution (NDC)
               การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 (2 nd Updated NDC) เป็นการยกระดับ เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เพื่อให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ ฉบับปรับปรุง (LT-LEDS (Revised Version)) โดยยังโครงร่างตามเอกสาร NDC ฉบับเดิม ซึ่งการปรับปรุงเนื้อหาหลักเป็นเรื่องการยกระดับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกจากร้อยละ 20 - 25 จากกรณีปกติ เป็นร้อยละ 30 - 40 จากกรณีปกติ ภายในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) และการปรับปรุงข้อมูลให้มีความทันสมัยและ สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ได้แก่ น่โยบายและแผนที่เกี่ยวข้อง การจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกตามคู่มือการ จัดทำบัญขีก๊าซเรือนกระจกระดับชาติ ปี ค.ศ. 2006 ของ IPCC ผลสำเร็จจากการดำเนินการ NAMA ความสำคัญของ ภาค ป่าไม้ในการบรรลุเป้าหมาย NDC ของประเทศความสำเร็จของการมีส่วนร่วมกับอุตสาหกรรมปูน การสร้างความ ตระหนักรู้ผ่านการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฎิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (Thailand Climate Action Conference: TCAC) และความต้องการได้รับการสนับสนุนด้านการพัฒนาและประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีในการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) และพลังงานไฮโดรเจน รวมถึงการทำการเกษตรที่เท่าทันต่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Smart Agriculture: CSA) เพื่อเพิ่มผลิตภาพของผลผลิตและปล่อยคาร์บอนต่ำ



ที่มา : https://unfccc.int/sites/default/files/NDC/2022-11/Thailand%202nd%20Updated%20NDC.pdf



ที่มา: https://climate.onep.go.th/wp-content/uploads/2022/11/05-NDC.pdf