facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]

ข้าวตราฉัตรจับมือดาว-เอสซีจีพี เปลี่ยนแพคเกจจิ้ง รักษ์โลก

12 พ.ย. 63

ข้าวตราฉัตร ประกาศเปลี่ยนแพคเกจจิ้ง จับมือดาว-เอสซีจีพี ยกระดับมาตรฐานถุงข้าวสารรักษ์โลก คาดวางจำหน่ายไตรมาสแรกปีหน้า ตั้งเป้าปี 2568 ยกเลิกพลาสติกใช้แล้วทิ้ง คาดปีแรกลดได้กว่า300 ตัน

นายฐิติ ลุจินตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ธุรกิจการค้าข้าวและอาหารในประเทศและต่างประเทศ กลุ่มธุรกิจข้าวตราฉัตร เปิดเผยว่า ข้าวตราฉัตรมีความมุ่งมั่นที่จะยกเลิกการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มีปัญหา หรือไม่จำเป็นภายในองค์กร    เปลี่ยนการใช้บรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้งไป สู่รูปแบบที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ และ -100% ของบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่นำมาใช้ ต้องสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้  โดย มีเป้าหมายความยั่งยืนที่ยกเลิกการใช้พลาสติกที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ภายในปี 2568

 ดังนั้นจึงร่วมกับ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) (ผู้นำด้านแมททีเรียลส์ ไซแอนซ์ ระดับโลก) และ บริษัท พรีแพค ประเทศไทย จำกัด ใน เอสซีจีพี (SCGP) ผู้ผลิตแพคเกจจิ้งพลาสติกชนิดอ่อนตัว (Flexible Packaging) ชั้นนำของประเทศไทย ยกระดับมาตรฐานถุงข้าวสารเป็นข้าวถุงรักษ์โลก ด้วยนวัตกรรม INNATE™ และเทคนิคดาวน์ เกจจิ้ง (Down Gaugingบางลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น )

ถือเป็นแบรนด์แรกของไทย ที่ได้นำนวัตกรรมระดับโลกมาใช้ในการผลิตถุง เพื่อรีไซเคิลแบบครบวงจร ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สาเหตุของการเกิดภาวะโลกร้อน ด้วยการลดพลาสติกและพลังงานในการผลิต พร้อมวางจำหน่ายข้าวถุงรักษ์โลกในไตรมาสแรกของปี 2564 เอาใจกลุ่มผู้บริโภคที่รักสิ่งแวดล้อมทั้งในไทย และต่างประเทศ


“ในอดีตถุงข้าวสารรีไซเคิลไม่ได้ จนในปัจจุบัน ถุงข้าวตราฉัตร เรามีการปรับเปลี่ยนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ถุงข้าวตราฉัตรสามารถนำไปรีไซเคิลได้อย่างสมบูรณ์ โดยตั้งเป้าพัฒนาต่อเนื่องในอนาคตให้ถุงข้าวตราฉัตรมีประสิทธิภาพสูงและแข็งแรงยิ่งขึ้น ในขณะที่ช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านการลดใช้ปริมาณพลาสติกและพลังงาน ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสาเหตุของภาวะโลกร้อน”

 ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือนี้ ข้าวตราฉัตรจะพัฒนาถุงข้าวรุ่นใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยผลิตถุงข้าวจากเม็ดพลาสติก INNATE™ คุณภาพสูงของ Dow ด้วยเทคนิค ดาวน์ เกจจิ้ง  ตั้งเป้าหมายทำให้ถุงข้าวสารบางลงจากเดิม 110 ไมครอน เหลือ 90 ไมครอน แต่แข็งแรง ทนทานยิ่งขึ้นกว่าเดิม

นอกจากนี้ยังช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนด้วยการประหยัดปริมาณพลาสติก และลดพลังงานในกระบวนการบรรจุด้วยการใช้อุณหภูมิที่ต่ำลงในการปิดปากถุงข้าว โดยในช่วงเริ่มต้นคาดว่าจะลดปริมาณการใช้พลาสติกได้กว่า 300 ตันต่อปี ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 600 ตันคาร์บอนต่อปี เทียบเท่ากับปลูกต้นไม้กว่า 600 ไร่ และเป็นการส่งเสริมการรีไซเคิล เนื่องจากเป็นถุงฟิล์มหลายชั้นที่ผลิตจากพลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดเดียวที่รีไซเคิลได้ง่าย อีกทั้งยังเข้าร่วมโครงการ “มือวิเศษ x วน โดย PPP Plastics” ร่วมรณรงค์ให้ผู้บริโภคนำถุงข้าวตราฉัตรมาบริจาคที่จุดดรอปพอยต์ของโครงการฯ กว่า 300 จุดทั่วกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง หรือรวบรวมส่งทางไปรษณีย์ เพื่อให้ถุงข้าวตราฉัตรเข้าสู่วงจรเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างสมบูรณ์ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาขยะพลาสติกตกค้างในสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหารกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “Dow รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผู้นำด้านข้าวสารบรรจุถุงอย่างข้าวตราฉัตร ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยร่วมกันพัฒนาถุงข้าวที่รีไซเคิลได้ง่าย และ ยังมุ่งมั่นประหยัดทรัพยากร และลดโลกร้อน ด้วยนวัตกรรม INNATE™ ซึ่งเป็นโซลูชันใหม่ของ Dow ที่ช่วยให้ถุงข้าวบางลงแต่มีความแข็งแรงมากขึ้น ช่วยลดการใช้พลาสติกและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ความร่วมมือนี้สอดคล้องเป็นอย่างยิ่งกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของ Dow ในการต้านโลกร้อน ด้วยการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้ง การลดขยะพลาสติก และ ส่งเสริมวงจรรีไซเคิล

 

สิ่งสำคัญในการแก้ปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืนมี 3 ปัจจัยหลัก คือ เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และ การมีส่วนร่วมของแบรนด์และผู้บริโภค โครงการความร่วมมือนี้มีครบทั้ง 3 ปัจจัยหลักอย่างลงตัว โดย Dow และ SCGP มีเทคโนโลยีที่ส่งเสริมให้ถุงข้าวสามารถรีไซเคิลได้ง่ายในโครงสร้างพื้นฐานที่เรามีอยู่แล้ว เสริมด้วยโครงการ มือวิเศษ x วน โดย PPP Plastics ด้วยความร่วมมือของข้าวตราฉัตรซึ่งเป็นแบรนด์อันดับ 1 ที่จำหน่ายข้าวบรรจุถุงไปยังผู้บริโภคหลายล้านครัวเรือนทั่วประเทศไทย เชื่อแน่ว่าด้วยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้บริโภคของข้าวตราฉัตร เราจะสามารถร่วมกันลดปัญหาสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน”

 

นายภราดร จุลชาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีแพค ประเทศไทย จำกัด ในเอสซีจีพี (SCGP) กล่าวว่า “จากการที่ประชากรเพิ่มขึ้น และความต้องการใช้ทรัพยากรเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เอสซีจีพีจึงให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากร      อย่างมีประสิทธิภาพและการดูแลสิ่งแวดล้อม ตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน และยังได้นำแนวทางของระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้การใช้ทรัพยากรมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในด้านการออกแบบสินค้าและบริการ เน้นการออกแบบและผลิตสินค้าให้เจ้าของสินค้า (Brand Owner) และผู้บริโภคได้รับความสะดวก ใช้งานง่าย ใช้ทรัพยากรน้อยแต่คงทนแข็งแรง สามารถนำมาใช้ซ้ำและนำกลับมารีไซเคิลได้ และ ในด้านกระบวนการ มีการปรับปรุงการผลิตและการดำเนินการให้เกิด Circular Economy ตลอดทั้ง Supply Chain เช่น การลดการใช้น้ำและพลังงานในกระบวนการผลิต ซึ่งเอสซีจีพีพร้อมที่จะขับเคลื่อน Circu-lar Economy จากภายในองค์กรไปสู่สังคมภายนอก ผ่านลูกค้าและผู้บริโภค เพื่อให้ทุกส่วนเห็นคุณค่าและขับเคลื่อนไปด้วยกัน เพื่อให้เกิดความร่วมมือ ช่วยกันทำให้สังคมและสิ่งแวดล้อมดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน”

ผู้บริโภคสามารถนำถุงข้าวตราฉัตรทิ้งลงในถังรีไซเคิลตามปกติ หรือ นำมาบริจาคที่ "ถังวันถุง" ในห้างสรรพสินค้า อาทิ มาบุญครอง เซ็นทรัล เดอะมอลล์ เทสโก้ โลตัส และปั๊มน้ำมันบางจาก เป็นต้น (เช็คจุดตั้ง “ถังวนถุง” ใกล้บ้านได้ที่ shorturl.at/wBGKV) หรือ รวบรวมส่งทางไปรษณีย์มาที่ “โครงการ วน” บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) 42/174 ม.5 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม 73210 โดยถุงข้าวตราฉัตรที่ประชาชนนำมามอบให้ “ถังวนถุง” จะมีมูลค่า กิโลกรัมละ 5 บาท เป็นเงินบริจาคให้กับมูลนิธิด้านสิ่งแวดล้อมต่อไป


ที่มา กรุงเทพธุรกิจ