facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 861

จุดเด่นน้ำมันปาล์ม "ผึ้ง" ชูความสำเร็จ CSR in Process

17 ม.ค. 59

แนวคิดหยั่งรากสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนเป็นหัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจของกลุ่มปาล์มธรรมชาติ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันปาล์มตรา "ผึ้ง" โดยมุ่งเน้นการทำธุรกิจที่ควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม และพัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง

พลังที่ขับเคลื่อนกลุ่มปาล์มธรรมชาติมาจากจุดยืนที่ต้องการเห็นชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืนทั้งยังมีเจตนารมณ์ที่จะมีบทบาทสำคัญในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมซึ่งนี่เป็นสิ่งที่บริษัทตระหนัก และเทน้ำหนักเรื่องซีเอสอาร์ไปยัง CSR in Process นอกเหนือจาก CSR after Process หรือการทำกิจกรรมเพื่อสังคมที่มีมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทอย่างการมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่โรงงานซึ่งตั้งอยู่ในจ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี

นอกจากนั้นยังมีโครงการผึ้งทุนธรรมชาติที่ส่งเสริมให้เด็กรู้จักบริหารจัดการทุนธรรมชาติ ที่มีในชุมชนสำหรับการทำอาหารกลางวัน โดยบริษัทได้ดำเนินการโครงการนี้มา 2 ปีแล้ว

"โกวิท ทรงควรธรรม" กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มปาล์มธรรมชาติ จำกัด กล่าวถึงนโยบายด้านซีเอสอาร์ขององค์กรว่า ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อย่างการส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมัน และรับซื้อผลิตผลในราคาที่สมเหตุสมผล รวมถึงการสร้างงาน และรายได้ที่มั่นคงให้กับชุมชนด้วยการจ้างงาน และส่งเสริมกิจกรรมชุมชนที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

"เราใส่ใจกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า โดยนำน้ำเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นไบโอแก๊ส (Biogas) และค้นหาวิธีสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทะลายปาล์ม ซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ด้วยการนำไปผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์สำหรับเพาะปลูก พร้อมกับแปรรูปเป็นชีวมวลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าในโรงกลั่น เพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งไม่เพียงจะช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทน และก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน ยังช่วยขจัดปัญหากลิ่นรบกวน และบรรเทาปัญหาภาวะไฟฟ้าขาดแคลนในชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ"

จากกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน ซึ่งใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล โดยอยู่ภายใต้การคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่ส่งเสริมการปลูกปาล์มอย่างยั่งยืน ใช้พลังงานทดแทนจากชีวมวลและไบโอแก๊สเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต ตลอดจนควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด จึงส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัมีค่าคาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับน้ำมันปาล์มยี่ห้ออื่น ๆ

"เราร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ในการขอรับรองคาร์บอนฟุตพรินต์มาตั้งแต่ปี 2556 และเราได้รับรางวัลฉลากลดคาร์บอนฟุตพรินต์ สีทอง ประจำปี 2558 จาก อบก. ซึ่งมอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีค่าคาร์บอนฟุตพรินต์ต่ำที่สุด โดยน้ำมันปาล์มขวด PET ขนาด 1 ลิตร ของกลุ่มปาล์มธรรมชาติ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 829 กรัม ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ซึ่งมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ประมาณ 1,300 กรัม"

"การรับรางวัลครั้งนี้จะเป็นการกระตุ้นและกำลังใจให้กับทีมงานของเรา อีกทั้งเป็นการบอกต่อถึงผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ว่า หากเขาเลือกซื้อสินค้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ก็เหมือนพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย"

สำหรับแผนงานในปีนี้ "โกวิท" บอกว่า จะเน้นการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การปรับปรุงเรื่องแพ็กเกจจิ้งที่จะลดขนาดบรรจุภัณฑ์อย่างการใช้ขวดที่มีน้ำหนักเบาลง ซึ่งได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้วจากเดิมขวดบรรจุภัณฑ์ที่หนัก 31 กรัม ก็ลดลงเหลือ 27 กรัม แต่ยังคงมีความแข็งแรง รวมถึงการใช้กระดาษรีไซเคิล โดยเน้นวัตถุดิบของแพ็กเกจจิ้งที่มีความเป็นกรีน และการให้ความสำคัญเรื่องนี้ย่อมส่งผลต่อการลดใช้ทรัพยากรของโลก

ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ กลุ่มปาล์มธรรมชาติจึงขอเข้ารับรองการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนของ RSPO (Roundtable on Sustainable Palm Oil) เมื่อปี 2556 โดยได้รับการรับรองระบบมาตรฐาน RSPO Supply Chain Certification แบบ Mass Balance ในส่วนของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและสวน โดยมีเกณฑ์และข้อกำหนดหลายส่วน อาทิ การไม่ใช้แรงงานเด็ก การห้ามใช้ยาฆ่าหญ้าบางประเภท ต้องมีโรงเรือนจัดเก็บที่ได้มาตรฐาน มีอุปกรณ์หรือชุดป้องกันในการทำงาน เป็นต้น

"ปาล์มที่รับซื้อจะต้องไม่มาจากสวนที่บุกรุกป่า โดยสวนที่เราเอาเข้าร่วมการรับรองเป็นสวนของเราประมาณ 2,000 ไร่ และสวนจากเกษตรกรอื่น ๆ 3-4 รายที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งเราต้องนำกฎเกณฑ์ของ RSPO ไปใช้ครอบคลุมกับสวนของเกษตรกรด้วย รวมถึงต้องให้ความรู้เกษตรกรเพิ่มเติมทั้งเรื่องการผสมดิน การใช้ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืช สุขอนามัย รวมถึงความปลอดภัยด้านต่าง ๆ โดยเราพยายามกระตุ้นให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการนี้ แต่ก็ยอมรับว่ามีน้อย เพราะเป็นเรื่องยากในการปฏิบัติสำหรับพวกเขา"

อย่างไรก็ดี "โกวิท" ยังมีความเชื่อในแนวทางที่ยึดมั่น เพราะท้ายที่สุดแล้ว การดำเนินงานเหล่านี้จะผลักดันให้ธุรกิจของกลุ่มปาล์มธรรมชาติเติบโตอย่างยั่งยืน


ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://www.prachachat.net/