facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]

ท่าทีของประเทศไทย ในงานประชุม COP26 เพื่อยกระดับการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

27 ต.ค. 64

             วันที่ 27 ตุลาคม 2564 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เรื่อง กรอบท่าทีการเจรจาของไทยในการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 หรือ COP26 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม - 12 พฤศจิกายน 2564 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร
 
            รมว.ทส. กล่าวว่า ประเทศไทย ในฐานะรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nation Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) ได้ให้ความสำคัญต่อประเด็นด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นวาระสำคัญแห่งชาติที่รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญและเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ซึ่งการประชุม COP26 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ จะเป็นผู้แทนประเทศไทย เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ เพื่อแสดงท่าทีและเจตนารมณ์ของประเทศไทยที่จะมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุด ในปี ค.ศ.2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero GHG emission) โดยเร็วที่สุดภายในครึ่งหลังศตวรรษนี้ รวมถึงมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2065
 
            ทั้งนี้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO หน่วยงานภายใต้การกำกับของ ทส. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกจากภาคส่วนต่างๆ ให้มีต้นทุนต่ำสุด จึงได้ริเริ่มดำเนินโครงการจัดตั้ง “เครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย(Thailand Carbon Neutral Network: TCNN)” เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคท้องถิ่นชุมชน ในการยกระดับการลดก๊าซเรือนกระจก สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศและมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และยังเป็นการสร้างอุปสงค์คาร์บอนเครดิตจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) อันจะช่วยสนับสนุนและขับเคลื่อนตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจภายในประเทศให้เกิดสภาพคล่องและขยายตัวมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทยในที่สุด
 
            สำหรับการเข้าร่วมประชุม COP26 จะเป็นการเน้นย้ำท่าทีของประเทศไทยที่ได้ให้ความสำคัญกับการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวอย่างสมดุล โดยการกำหนดเป้าหมายและแนวทางการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศที่บูรณาการและสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน การขจัดความยากจน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตลอดจนสอดคล้องกับหลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่าง ตามขีดความสามารถ (Common but differentiated responsibility and respective capability) โดยประเทศไทยมีความพร้อมและยินดีทำงานร่วมกับทุกภาคีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามความตกลงปารีส และคาดหวังให้การประชุม COP26 สามารถหาข้อยุติร่วมกันเกี่ยวกับประเด็นเจรจาที่ยังไม่มีข้อสรุปได้ เพื่อให้มีแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนภายใต้ความตกลงปารีสในระยะหลังปี ค.ศ. 2020 ต่อไป และนอกจากนี้ ประเทศไทยจะมีการหารือทวิภาคี (Bilateral discussion and cooperation) ร่วมกับสมาพันธรัฐสวิส เพื่อพัฒนาความร่วมมือในประเด็นด้านการลดก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนอยู่ระหว่างการพิจารณานัดหมายการหารือร่วมกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา ถึงโอกาสการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกันต่อไปอีกด้วย