นักวิทยาศาสตร์ทั้งในอินเดียและปากีสถานระบุว่า อุณหภูมิเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะคลื่นอากาศร้อนหรือ ฮีตเวฟ ที่เกิดขึ้นทั้งในอินเดียและปากีสถานส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปหลายพันคน แต่ยังมีสาเหตุอื่นๆ ซึ่งยังไม่รู้ที่มาเป็นปัจจัยก่อให้เกิดภาวะอากาศอันตรายถึงชีวิตเช่นนี้
ปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญคือภาวะความกดอากาศต่ำ, ความชื้นสัมพัทธ์สูง และไม่มีกระแสลม ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่งในช่วงเดือนมิถุนายน ทั้งหมดประกอบกันทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นกลายเป็นความร้อนที่ทนไม่ได้ขึ้นมา
มูฮัมหมัด ฮานิฟ ผู้อำนวยการสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติในปากีสถาน ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปเพราะภาวะฮีตเวฟมากกว่า 1,400 คนเปิดเผยว่า ตอนที่เกิดฮีตเวฟสูงสุดในนครการาจีนั้น พยากรณ์อากาศคาดการณ์ภาวะอุณหภูมิเอาไว้ว่าอยู่ที่ 43 องศาเซลเชียสเท่านั้น แล้วก็เป็นจริงตามที่พยากรณ์ แต่ปัจจัยอื่นๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันทำให้การเกิดฮีตเวฟครั้งนี้กลายเป็นฮีตเวฟที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 30 ปี เพราะคนในการาจีจะรู้สึกเหมือนอุณหภูมิสูงถึง 49 องศาเซลเชียส
ความรู้สึกว่าอุณหภูมิสูงผิดไปจากความเป็นจริงนั้นทางวิชาการด้านอุตุนิยมวิทยาเรียกว่า "ฮีตอินเด็กซ์" ซึ่งเกิดขึ้นเพราะมีภาวะแรงกดดันต่ำและความชื้นสูงในพื้นที่ดังกล่าวผสมโรงเข้าไปด้วย
สถานการณ์คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นในอินเดีย ที่มีผู้เสียชีวิตจากภาวะฮีตเวฟไปกว่า 2,000 คน แอลเอส ราธอร์ ผู้อำนวยการสำนักอุตุนิยมวิทยาอินเดีย ระบุว่า ปกติแล้วในช่วงนี้จะมีลมทะเลพัดเข้าสู่พื้นที่ชายฝั่งช่วยคลายความร้อน แต่ในปีนี้ไม่มีลมทะเลตามปกติ ทำให้หลายพื้นที่เกิดภาวะอากาศร้อนต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน
อาร์. กฤษนัน หัวหน้าสำนักงานการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศประจำสถาบันอุตุนิยมวิทยาเขตร้อนของอินเดีย ยอมรับว่ายังไม่สามารถหาคำอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้แต่ตั้งสมมุติฐานว่า ภาวะอากาศร้อนต่อเนื่องนานหลายวันนั้นเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของภาวะหมุนเวียนของอากาศในชั้นบรรยากาศ แต่ไม่มีคำอธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร
นายกฤษนันระบุว่า ภาวะแรงกดดันต่ำก่อตัวขึ้นในบริเวณทะเลอาหรับตอนเหนือในชั้นบรรยากาศระดับสูง อีก 2-3 วันต่อมาก็เคลื่อนต่ำลงมาสู่พื้นผิวโลกแล้วทำให้เกิดพื้นที่แรงกดดันต่ำเป็นจุดๆ รวมทั้งที่การาจี ซึ่งเมื่อผสมกับความชื้นสูงในอากาศแล้วจะทำให้คนรู้สึกว่าอุณหภูมิสูงถึง 49 องศา ทั้งๆ ที่อุณหภูมิจริงๆ อยู่ที่ระดับ 43 องศาเท่านั้น ในขณะที่อีกหลายพื้นที่ทางตอนใต้เช่นเดียวกันของปากีสถานมีอุณหภูมิสูงถึง 47 องศา แต่ในความรู้สึกของคนเพียงแค่อยู่ในระดับ 41 องศา เพราะภาวะแรงกดดันในบริเวณนั้นสูงและความชื้นต่ำ จึงไม่มีใครเสียชีวิตที่นั่น
กฤษนันตั้งข้อสังเกตไว้ด้วยว่า ภาวะที่เกิดขึ้นในการาจีน เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ในเอเชียใต้บ่อยครั้งมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
และยืนยันว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอีกมากเพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์นี้
อย่างไรก็ตาม ในรายงานล่าสุดของคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) ของสหประชาชาติ เคยเตือนเอาไว้ว่าภาวะโลกร้อนจะทำให้ ภาวะอากาศสุดโต่งแบบฮีตเวฟเกิดขึ้นถี่มากขึ้นและใหญ่โตมากขึ้นขนาดครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศในเอเชียใต้
ตลอดทั้งศตวรรษที่ 20 ต่อเนื่องไปจนถึงทศวรรษ 2000!
ที่มาของข่าวและรูปภาพประกอบ: http://www.matichon.co.th