ทำนาปล่อยก๊าซเรือนกระจก?
ข้าว มีความสำคัญอย่างยิ่งในประเทศไทย เนื่องจากมีพื้นที่เพาะปลูกประมาณครึ่งหนึ่งของพื้นที่เกษตรกรรมทั้งประเทศ และการทำนาในประเทศปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึงร้อยละ 55 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตรทั้งหมด นอกจากนี้ กระบวนการปลูกมีการขังน้ำในนาข้าวในพื้นที่เขตนาชลประทานทำให้เกิดการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งมีศักยภาพการก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 28 เท่า
แนวทางลดก๊าซเรือนกระจกจากการทำนาข้าว
จากเจตนารมณ์ของประเทศไทยที่ให้ความสำคัญสูงสุดต่อการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยจะยกระดับการแก้ไขอย่างเต็มที่และด้วยทุกวิถีทาง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 นั้น จึงเกิดเป็นนโยบายและการดำเนินการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกในด้านต่างๆ เช่น ในภาคเกษตรกรรม มีการปรับปรุงการทำนาข้าว และการใช้เทคโนโลยีในกระบวนการทำนา เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทน ผ่านโครงการต่างๆ ตัวอย่างเช่น
“โครงการเพิ่มศักยภาพการปลูกข้าวที่เท่าทันต่อภูมิอากาศ (Thai Rice GCF)” ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (GCF) ผ่านทางองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) และดำเนินการโดยกรมการข้าว สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นเวลา 5 ปี (1 ต.ค. 2566 - 31 ต.ค. 2571) เพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ไปสู่การทำนาที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำและเสริมสร้างขีดความสามารถในการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในพื้นที่ 21 จังหวัด ของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และที่ราบลุ่มภาคกลาง
โดยมีเป้าหมายลดความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของชาวนารายย่อยจำนวน 250,500 ราย และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำนาประมาณ 2.4 MtCO2eq ผ่านการส่งเสริมให้ชาวนาเรียนรู้และลงมือปฏิบัติเทคนิคการทำนาในรูปแบบใหม่ การส่งเสริมการตลาด รวมทั้งการสนับสนุนทางการเงิน เช่น การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง การปรับระดับพื้นที่นาด้วยระบบเลเซอร์ การจัดการฟางและตอซัง การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน เป็นต้น
“ครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER)” ซึ่งเป็นกลไกลดก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญที่อีกกลไกหนึ่ง โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO พัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกในประเทศ โดยความสมัครใจและสามารถนำปริมาณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เรียกว่าคาร์บอนเครดิตไปซื้อขายได้
โดยเกษตรกรสามารถเข้าร่วมดำเนินโครงการ T-VER ในรูปแบบ Premium T-VER ประเภทโครงการการลด ดูดซับ และการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากภาคป่าไม้และการเกษตร และสามารถใช้ระเบียบวิธีการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ (T-VER Methodology) สำหรับกิจกรรมการจัดการพื้นที่การเกษตรที่ดี (Enhanced Good Practices in Agricultural Land) ซึ่งโครงการจะต้องดำเนินการปรับปรุงการจัดการน้ำหรือการให้น้ำ (irrigation) เช่น การลดระยะเวลาขังน้ำ การปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง โดยคำนวณปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ขอรับรองเป็นคาร์บอนเครดิตได้จากระเบียบวิธีการคำนวณปริมาณการลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากพื้นที่ปลูกข้าว (Calculation for methane emission reduction by adjusted water management practice in rice cultivation)
ข้อมูลเพิ่มเติมโครงการ T-VER ---> https://ghgreduction.tgo.or.th/th/t-ver.html
ที่มา/แหล่งข้อมูล