facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 1257

ปตท.สผ. ติดอันดับ Leadership Level ด้านจัดการความเสี่ยงและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน

20 ธ.ค. 60

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ได้รับการประกาศให้อยู่ในบริษัทกลุ่มผู้นำ (Leadership level)ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ในฐานะบริษัทที่มีแผนการจัดการความเสี่ยงและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากองค์กรเอกชนเพื่อสาธารณประโยชน์ด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ Carbon Disclosure Project (CDP) ซึ่งมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดย ปตท.สผ. เป็น 1 ใน 3 บริษัทที่ได้รับการจัดอันดับอยู่ในกลุ่มบริษัทผู้นำที่ระดับ A-ซึ่งเป็นอันดับสูงที่สุดในกลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีกว่า 1,000 บริษัททั่วโลกสมัครเข้าร่วมการจัดอันดับดังกล่าวเป็นประจำทุกปี

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดใหญ่ ปตท.สผ. กล่าวว่า “ตามวิสัยทัศน์ของ ปตท.สผ. การบริหารจัดการสีเขียวเป็นปัจจัยหลักของการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน โดยเราใช้การบริหารเชิงรุกเพื่อรองรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมาอย่างต่อเนื่อง การที่เราได้รับคัดเลือกให้อยู่ในบริษัทกลุ่มผู้นำหรือ Leadership level จาก CDP อีกครั้งในปีนี้ย่อมเป็นบทพิสูจน์ถึงศักยภาพของ ปตท.สผ. ในการมุ่งสู่การเป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมชั้นนำในเอเชีย ที่ขับเคลื่อนด้วยผลการดำเนินงานที่สามารถแข่งขันได้ เทคโนโลยีและหัวใจสีเขียว”

ทั้งนี้ แนวทางการบริหารจัดการสีเขียวของ ปตท.สผ. มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งเกิดจากการดำเนินธุรกิจ ลดรอยเท้าคาร์บอน (Carbon footprint) และรอยเท้านิเวศ (Ecological footprint) รวมทั้งเสริมสร้างคุณค่าให้การดำเนินธุรกิจ โดยแนวทางการบริหารจัดการสีเขียวของ ปตท.สผ. ประกอบด้วย มาตรการด้านการอนุรักษ์พลังงาน การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว รวมถึงการกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างน้อยร้อยละ 20 จากการดำเนินธุรกิจตามปกติภายในปี 2563 นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังได้ตระหนักถึงความเสี่ยงและโอกาสที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศต่อการดำเนินธุรกิจ บริษัทจึงได้ดำเนินโครงการศึกษาการปรับตัวจากผลกระทบทางด้านสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน


ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ : http://www.matichon.co.th