หลังจากการเลือกตั้งในประเทศฟินแลนด์ เมื่อกลางเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ นายอันติ รินเน จากพรรคสังคมประชาธิปไตยแห่งฟินแลนด์ และอย่างไม่รอช้าเกี่ยวกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เผยว่า ถึงเวลาแล้วที่ฟินแลนด์จะต้อง “ลงทุนในอนาคต” โดยมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปทั้งประเทศและนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศของสหภาพยุโรป
หลังจากการเลือกตั้งในประเทศฟินแลนด์ เมื่อกลางเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือ นายอันติ รินเน จากพรรคสังคมประชาธิปไตยแห่งฟินแลนด์ และอย่างไม่รอช้าเกี่ยวกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม นายกรัฐมนตรีคนใหม่ เผยว่า ถึงเวลาแล้วที่ฟินแลนด์จะต้อง “ลงทุนในอนาคต” โดยมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปทั้งประเทศและนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศของสหภาพยุโรป
รัฐบาลใหม่ของฟินแลนด์ได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะทำให้ประเทศ “ปลอดก๊าซคาร์บอน” หรือที่เรียกว่า “การเป็นกลางทางคาร์บอน” (Carbon Neutral) ให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2578 ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เร็วที่สุดที่ถูกกำหนดไว้ทั่วโลก และประเดิมการกระทำในเชิงสัญลักษณ์ของบรรดาสมาชิกคณะรัฐมนตรีใหม่ด้วยการใช้รถรางไปแถลงข่าวในห้องสมุดสาธารณะ
นอกจากนี้ ยังตอกย้ำด้วยคำกล่าวของหัวหน้าพรรคสันนิบาตสีเขียวหรือพรรคกรีนหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล นายฮาวิสโต เพคคา หัวหน้าพรรคกรีน ทวีตผ่านโซเชียลมีเดียถึงเป้าหมายสำคัญก็คือ การทำให้ฟินแลนด์เป็นสังคมสวัสดิการที่ปลอดการใช้เชื้อเพลิงจากซากดึกดำบรรพ์หรือเชื้อเพลิงฟอสซิล (Fossil Fuel) เป็นครั้งแรกของโลก
เชื้อเพลิงฟอสซิลเกิดจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์ใต้ผิวโลกมานานหลายล้านปี จนแปรสภาพเป็นถ่านหิน หินน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ในเวลาต่อมา เมื่อถูกขุดนำมาใช้ประโยชน์ในด้านอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นเวลานานเข้าพลังงานเหล่านี้ก็หมดไปได้ ทว่า กากของเสียและขยะจากเชื้อเพลิงฟอสซิลก็กลายเป็นมลพิษอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม กลายเป็นปัญหาระดับสากลที่นานาชาติต้องร่วมกันแก้ปัญหา โดยเฉพาะมลพิษที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศโลก เกิดปรากฏการณ์ก๊าซเรือนกระจก โลกร้อนขึ้น สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง หนทางหนึ่งในการแก้ไขก็คือ ต้องช่วยกันลดอุณหภูมิโลกให้ลงต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส ซึ่งไม่ใช่งานง่ายๆ
ปัจจุบันเชื้อเพลิงฟอสซิลและถ่านหินเลน (Peat) มีสัดส่วนการใช้พลังงานประมาณ 40% ของการใช้พลังงานในฟินแลนด์ โดยมีพลังงานหมุนเวียนคิดเป็น 37% ซึ่งก่อนการเลือกตั้งชาวฟินแลนด์ถึง 80% เชื่อว่า การดำเนินการเร่งด่วนเพื่อลดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเป็นสิ่งที่จำเป็น อีก 70% คิดว่า รัฐบาลในอนาคตควรแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น
ที่มาของข่าว: www.thairath.co.th