facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list

บทความ

 

มีพื้นที่ไม่ถึง 10 ไร่ จะปลูกต้นไม้ทำคาร์บอนเครดิตคุ้มค่า น่าลงทุนหรือไม่?

02 ส.ค. 67


               จากกรณีที่มีข่าวการขายคาร์บอนเครดิตจากการปลูกต้นไม้หรือปลูกป่าที่ได้ราคาสูง ทำให้เป็นที่น่าสนใจในเรื่องของการลงทุนในตลาดคาร์บอนเครดิต แต่ชาวบ้านธรรมดาก็อยากได้คาร์บอนเครดิตไว้เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับตัวเองและครอบครัว แต่ติดตรงที่เงื่อนไขของโครงการ T-VER ประเภทการปลูกป่า ที่จะต้องมีพื้นที่ตั้งแต่ 10 ไร่ขึ้นไป โดยสามารถนำหลายๆ แปลงมารวมกันได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นผืนหรือแปลงเดียวกัน ซึ่งนำมาดำเนินโครงการคาร์บอนเครดิต T-VER ได้ แต่พื้นที่เพียง 10 ไร่ สามารถผลิตคาร์บอนเครดิตได้มากพอ และคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ ดังนั้นหากต้องการที่จะผลิตคาร์บอนเครดิตได้จำนวนมากๆ และคุ้มทุนต้องมีพื้นที่ปลูกต้นไม้แค่ไหน วันนี้ TGO มีคำตอบ

               TGO ได้กำหนด ลักษณะโครงการแบบควบรวม (Bundling Project) คือ โครงการที่มีลักษณะการดำเนินโครงการแบบเดียวกัน ใช้ระเบียบวิธีการลดก๊าซเรือนกระจก (Methodology) เดียวกัน ระยะเวลาคิดเครดิตเท่ากัน แต่สามารถมีพื้นที่โครงการหลายๆ แห่ง หลายๆ เจ้าก็ได้ กล่าวคือ พื้นที่การดำเนินโครงการ T-VER ไม่จำเป็นต้องติดกัน พื้นที่อยู่ห่างกันก็สามารถรวบรวมและพัฒนาเป็นโครงการ T-VER ได้ ซึ่งชาวบ้านอาจต้องรวมกลุ่มหรือจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน ทำการรวบรวมพื้นที่ของสมาชิก ทำแผนผังพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการ และจัดทำเอกสารข้อเสนอโครงการเพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นโครงการ T-VER ทำการตรวจสอบความใช้ได้ของเอกสารโดยผู้ประเมินภายนอกและยื่นเอกสารขึ้นทะเบียนให้กับ TGO แต่ในช่วงแรกชาวบ้านจะยังไม่ได้คาร์บอนเครดิต ชาวบ้านจะมีคาร์บอนเครดิตก็ต่อเมื่อดำเนินการตามระเบียบวิธีการลดก๊าซเรือนกระจกที่ TGO กำหนดและยื่นขอรับรองคาร์บอนเครดิตกับ TGO อีกครั้งเท่านั้น

             ส่วนราคาขายคาร์บอนเครดิตภายในประเทศไทย จากโครงการคาร์บอนเครดิตประเภทการปลูกป่า ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 55 บาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และสูงสุดอยู่ที่ 3,000 บาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งท่านคงเห็นแล้วว่าต้องมีพื้นที่ดำเนินโครงการมากขนาดไหนจึงจะคุ้มค่า ส่วนเรื่องที่ต้องปลูกต้นไม้กี่ต้นและแต่ละต้นจะได้คาร์บอนเครดิตเท่าไหร่ ซึ่งการคำนวณการประเมินการกักเก็บคาร์บอนภายใต้โครงการ T-VER ของ TGO จะสามารถใช้กรณีจากการนับจำนวนต้นไม้ได้ จะใช้สำหรับพื้นที่ที่มีขนาดแปลงย่อยไม่เกิน 30 ไร่ และรวมพื้นที่ทั้งโครงการไม่เกิน 1,000 ไร่ โดยสามารถใช้อัตราการเพิ่มพูนปริมาณการกักเก็บคาร์บอนเท่ากับ 9.5 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ต่อต้นต่อปี นั้นคือ ต้องปลูกต้นไม้ 106 ต้น ถึงจะได้คาร์บอนเครดิต 1 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี

              TGO มีกรณีศึกษาลักษณะโครงการแบบควบรวม คือ โครงการธนาคารคาร์บอนสีเขียวบ้านท่าลี่ อ.หนองเรือ และบ้านแดง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ที่ชาวบ้านในชุมชนได้รวมพื้นที่คนละแปลงสองแปลง จาก 41 ราย จำนวนพื้นที่รวม 365.30 ไร่ และดำเนินกิจกรรมปลูกต้นไม้ ดูแลต้นไม้ วัดคาร์บอนเครดิตจากต้นไม้ และขอรับรองคาร์บอนเครดิตกับ TGO แล้วในช่วงเวลา 3 ปี ได้จำนวนคาร์บอนเครดิต 401 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากจำนวนต้นไม้ 14,072 ต้น จะเห็นได้ว่าโครงการคาร์บอนเครดิตจากการปลูกป่านั้นชาวบ้าน คนธรรมดาที่มีพื้นที่ไม่มากก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องมีเงินลงทุนและมีความรู้เรื่องการจัดทำเอกสารการขอขึ้นทะเบียนและรับรองคาร์บอนเครดิต และที่สำคัญคือความสามัคคีของคนในชุมชนที่จะร่วมมือกันดูแลแหล่งดูดซับ/กักเก็บก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่ชุมชนตลอดอายุโครงการ ซึ่งชาวบ้านจะสามารถใช้ประโยชน์และสร้างมูลค่าจากป่าได้อย่างยั่งยืน โดยคาร์บอนเครดิตจะเป็นเพียงผลพลอยได้หรือส่วนเพิ่มจากกิจกรรมดูแลป่านั้นเอง