เมื่อไม่นานมานี้ที่ประเทศเดนมาร์กได้มีการบันทึกสถิติโลกครั้งใหม่ล่าสุด หลังจากความประสบผลสำเร็จในการสร้างกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าของพลังงานลมให้สามารถพุ่งสูงขึ้นจนถึง 42.1% ของพลังงานทั้งหมดภายในประเทศเลยทีเดียว ซึ่งนับเป็นทิศทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับประเทศ เพื่อมุ่งหน้าไปสู่หนทางแห่งการผลิตพลังงานบนพื้่นฐานของความเป็นอยู่ที่มั่นคงและยั่งยืน โดยเมื่อพิจารณาแล้วพลังงานลมถือเป็นพลังงานสะอาด ที่มีอยู่ไม่จำกัด ซึ่งถ้าหากรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์และดึงประสิทธิภาพออกมาให้ได้มากที่สุด พลังงานลมอาจจะเข้ามาเป็นแหล่งพลังงานหลักในการขับเคลื่อนโลกในอนาคตได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ในความพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายของการใช้พลังงานลมมีอยู่อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีความมุ่งหวังว่าในอีก 3 ปี ข้างหน้า รถไฟทั้งหมดภายในประเทศจะต้องขับเคลื่อนด้วยพลังงานลมเพียงอย่างเดียว รวมถึงประเทศเดนมาร์กที่ขณะนี้มีปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมมากเกินกว่าความต้องการในปี 2015 เสียอีก โดยเมื่อย้อนกลับไปในปี 2005 กำลังการผลิตไฟฟ้าภายในประเทศจากพลังงานลมนั้นมีเพียงแค่ 18% ของพลังงานทั้งหมดเท่านั้น แต่ในอีก 5 ปีต่อมา ตัวเลขกำลังการผลิตก็เติมโตขึ้นเป็น 22% จนเมื่อมาถึงปัจจุบันก็เพิ่มขึ้นเป็น 42.1% ซึ่งถือเป็นการเดินทางที่ยาวนานอย่างมากสำหรับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามประเทศเดนมาร์กยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ โดยกำหนดเป้าหมายไว้ว่าในปี 2020 กำลังการผลิตพลังงานลมจะต้องเพิ่มเป็น 50% เท่านั้นยังไม่พอ ในปี 2035 อัตราการผลิตจะต้องเติบโตขึ้นจนถึง 85% อีกด้วย
เรียกได้ว่าพลังงานลมกำลังพัฒนาและก้าวกระโดดไปในแนวทางที่สดใส พร้อมกันนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมท่ามกลางคู่แข่งด้านพลังงานทดแทนรูปแบบอื่น ๆ ได้อย่างสูสี โดยนอกจากที่ประเทศเดนมาร์กแล้ว การเติบโตของพลังงานลมได้แผ่ขยายออกไปทั่วโลก ทั้งประเทศอย่างคอสตาริกาที่ใช้พลังงานทดแทนถึง 99% และประเทศอุรุกวัยซึ่งได้แสดงตัวอย่างความสำเร็จของการใช้พลังงานทดแทนภายในประเทศเช่นกันที่ 95% เลยทีเดียว
ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://www.energysavingmedia.com