โดยกล่าวว่า กทม. ร่วมกับมูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืน องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล ประเทศไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน จัดกิจกรรมดังกล่าวตั้งแต่ปี 2551 ในปีนี้จัดงานภายใต้แคมเปญ "ปิดเพื่อเปลี่ยน" ด้วยการเปลี่ยนเพื่อทำให้ดีกว่าเดิม เพื่อลดภาวะโลกร้อน เช่น การหันมาเลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น พร้อมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันปิดไฟที่ไม่ใช้งานเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ในช่วงเวลา 20.30–21.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นร่วมกับเมืองต่างๆ ทั่วโลก ในส่วนของกทม.จะปิดไฟในสถานที่สำคัญ 4 แห่ง เพื่อแสดงสัญลักษณ์ ประกอบด้วย พระบรมมหาราชวัง (วัดพระแก้ว) พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม เสาชิงช้า และสะพานพระราม 8 และถนนสายหลัก ได้แก่ ถนนสีลม ถนนรัชดาภิเษก ถนนข้าวสาร ถนนเยาวราช และถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เพื่อสร้างความร่วมมือในระดับประเทศ และนำไปสู่การลดปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ภายหลังเวลา 21.30 น. นางชุลี ศุภวรรธนะกุล รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง แถลงผลการดำเนินโครงการปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน ประจำปี 2558 (60+ Earth hour 2015) ในวันที่ 28 มีนาคม 2558 ระหว่างเวลา 20.30 - 21.30 น. พบว่าสามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ 1,940 เมกะวัตต์ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2557 ที่มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานคร 5,894.91 เมกะวัตต์หรือคิดเป็นอัตราการลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ 7,499,068 บาท

นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังสามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 1,127 ตัน

ที่มาของข่าวและรูปภาพประกอบ: http://www.matichon.co.th