facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 989

เยือนเกาหลีใต้ ดูต้นแบบบริหารจัดการพลังงาน

22 พ.ค. 59

ทุกวันนี้การบริหารจัดการด้านการพลังงานของประเทศ ให้มีความมั่นคงอย่างยั่งยืน ดูเหมือนว่า กำลังจะเข้าตาจนไปทุกขณะ เพราะจะพัฒนาโครงการอะไรขึ้นมา ก็มักจะถูกต่อต้าน ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ตลอดจนพลังงานทดแทนก็ตาม รวมไปถึงการเปิดสัมปทานสำรวจขุดเจาะปิโตรเลียม ก็ยังไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เป็นสาเหตุที่ทำให้ประเทศยังต้องนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศในปริมาณค่อนข้างสูงอยู่ในปัจจุบัน

เน้นการกระจายเชื้อเพลิง

ทั้งนี้ จากการเดินทางของคณะสื่อมวลชน เพื่อไปดูงานการบริหารจัดการด้านพลังงานของประเทศเกาหลีใต้ระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นำโดยนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน ทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า ประเทศที่พัฒนาแล้ว มีประชากรราว 50 ล้านคน ต้องพึ่งการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงถึง 95.7% เมื่อเทียบกับไทย 60-70 % มีการบริหารจัดการด้านพลังงานให้เกิดความสมดุล และมีความยั่งยืน ประกอบกับค่าไฟฟ้าที่ประชาชนได้ใช้มีราคาต่ำกว่าของไทยได้อย่างไร

หากมองตั้งแต่ระดับนโยบาย ทางรัฐบาลของเกาหลีใต้ ได้ให้ความสำคัญกับการกระจายเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก โดยใช้พลังงานถ่านหินในสัดส่วนถึง 40% ก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ประมาณ 20% พลังงานนิวเคลียร์ 30% และอื่นๆ เช่น พลังงานทดแทนต่างๆ มีสัดส่วน 3.2% และพลังงานน้ำมีสัดส่วน 0.6%

โดยปัจจุบันเกาหลีใต้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 9 หมื่นเมกะวัตต์ และยังจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต แต่แผนพลังงานแห่งชาติของเกาหลีใต้ช่วงปี 2556-2578 ก็มีการวางแนวทางสำคัญที่จะลดปริมาณความต้องการใช้พลังงาน และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงานลง 20% โดยมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ถึง 22%-29% หรือมากกว่า1เท่าตัว จากที่มีอยู่แล้วจำนวน 23โรง และเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนจาก 3.2% เป็น11% แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า เกาหลีใต้ไม่ได้เลิกหรือลดสัดส่วนของโรงไฟฟ้าถ่านหินลงมา

บริหารต้นทุนค่าไฟราคาถูก

Dr.Park Kihyun ผู้แทนจาก Korea Energy Economics Institute(KEEI) ได้สะท้อนภาพการบริการจัดการด้านพลังงานให้ฟังว่า เกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับการมีโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพราะในอดีตประเทศไม่ได้มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจเหมือนในปัจจุบัน และเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าพลังงานมากกว่า 90% การวางนโยบายด้านพลังงานจึงให้ความสำคัญกับเชื้อเพลิงที่จะช่วยให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าถูกและไม่เป็นภาระให้กับประชาชนและภาคอุตสาหกรรมที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยถ่านหินถือเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ช่วยสร้างความมั่นคงในระบบไฟฟ้าของเกาหลีใต้

โดยปัจจุบันค่าไฟฟ้าเฉลี่ยของเกาหลีใต้จะอยู่ที่ประมาณ 110 วอนต่อหน่วยหรือราว 3.3 บาทต่อหน่วย ซึ่งต่ำกว่าของไทย ทั้งๆ ที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว และมีการนำเข้าพลังงานเกือบทั้งหมด ซึ่งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ มีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 60 วอนต่อหน่วย ถ่านหินประมาณ 70 วอนต่อหน่วย และก๊าซธรรมชาติ(แอลเอ็นจี) ประมาณ 150 วอนต่อหน่วยโดยที่รัฐบาลส่งเสริมให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมได้ใช้ไฟฟ้าถูกที่ 80 วอนต่อหน่วย ต่ำกว่าภาคครัวเรือน เพราะถือว่าเป็นภาคที่ช่วยขับเคลื่อนในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าได้มาจนถึงทุกวันนี้

สร้างความเข้าใจโรงไฟฟ้าถ่านหิน

สำหรับการเดินทางเยือนเกาหลีครั้งนี้ ยังได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมโรงไฟฟ้าถ่านหินดังจิน ขนาด 6 พันเมกะวัตต์ ถือเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่สุดในเอเชีย ตั้งอยู่ใกล้กับกรุงโซล บริหารจัดการโดยบริษัท East West Power(EWP) ใช้ทั้งถ่านหินลิกไนต์และบิทูมินัส เป็นเชื้อเพลิงนำเข้าทั้งหมด เริ่มดำเนินการผลิตมาตั้งแต่ปี 2542 โดยใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง Ultra Super Critical –USC ที่ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตแต่ใช้เชื้อเพลิงน้อยลง รวมทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยเช่นเดียวกับเทคโนโลยีที่จะมาใช้กับ โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ขนาด 800 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จังหวัดสงขลา ขนาด 2 พันเมกะวัตต์ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ผู้บริหารของโรงไฟฟ้าถ่านหินดังจิน ชี้ให้เห็นว่า ก่อนจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเกิดขึ้น ก็มีปัญหาการคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากที่ตั้งของโรงไฟฟ้าเป็นบริเวณที่อยู่อาศัยและทำการเกษตร ประชาชนกลัวการไล่ที่ ทั้งๆที่ไม่ทราบว่าโรงไฟฟ้าคืออะไร และเมื่อต้องออกจากพื้นที่ไปแล้วกลัวที่จะไม่มีอาชีพทำ แต่เมื่อทางโรงไฟฟ้าทำการชี้แจงและทำความเข้าใจ จนทำให้ประชาชนเกิดการยอมรับ ทำให้สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้สำเร็จ และชี้ให้เห็นว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่สามารถที่จะอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งจะเห็นได้จากการย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่เป็นชุมชนรอบโรงไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ 100 ครัวเรือนเป็น 400 ครัวเรือน ประกอบกับโรงไฟฟ้าดังจิน เข้ามามีบทบาทในการดูแลสวัสดิการและระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานของชุมชนรอบโรงไฟฟ้า จัดสรรเงินจากค่าไฟฟ้าให้กับกองทุนปีละประมาณ 5.4 พันล้านบาท ซึ่ง 80% ใช้สำหรับดูแลประชาชนในรัศมี 5 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้า และอีก 20% ดูแลทั้ง ชุมชนของเมืองดังจิน

ทดลองใช้โครงข่ายอัจฉริยะ

อย่างไรก็ตาม จากการที่เกาหลีใต้ต้องพึ่งการนำเข้าพลังงานเกือบจะทั้งหมด ทำให้รัฐบาลต้องตื่นตัวกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ 30% ภายในปี 2563 โดยเลือกให้เกาะเชจู ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ เป็นพื้นที่ทดลองสำหรับการใช้นวัตกรรมโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ(Smart Grid) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และนำพลังงานทดแทน ทั้งพลังงานลม และแสงอาทิตย์ มาทดแทนพลังงานจากฟอสซิล ซึ่งจะช่วยให้การพัฒนาเศรษฐกิจบนเกาะ เติบโตควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

สำหรับการดำเนินโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่เกาะเชจูนี้ ได้รับความร่วมมือจาก 168 บริษัทและ 12 ตัวแทนพันธมิตรของหน่วยงานรัฐเข้ามาร่วมลงทุนมูลค่าประมาณ 239.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเอกชนลงทุน 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และรัฐลงทุน 69.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งโครงการ Smart Grid เป็นการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาเชื่อมโยงกับระบบไฟฟ้า เพื่อให้สามารถบริหารจัดการทั้งระบบผลิต ระบบสายส่ง ระบบจำหน่ายและผู้ใช้ไฟฟ้า ได้แบบเรียลไทม์

บริหารตามความต้องการใช้ไฟฟ้า

สำหรับพื้นที่ที่มีการทดลองใช้ระบบสมาร์ทกริดนั้น จะครอบคลุม 12 หมู่บ้าน 6 พันครัวเรือน แต่มีครัวเรือนที่มีความพร้อมเข้าร่วมโครงการประมาณ 2 พันครัวเรือน ซึ่งจะได้รับแจกอุปกรณ์ มิเตอร์ไฟฟ้า ระบบแบตเตอรี่ และแผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนหลังคา และด้วยระบบโครงข่ายสมาร์ทกริด จะช่วยให้ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถที่จะรู้ว่าในแต่ละวัน บนเกาะสามารถที่จะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้วันละเท่าไหร่ เพื่อจะได้ปรับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าให้สอดคล้องกับไฟฟ้าที่ผลิตได้ ซึ่งจะช่วยลดการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยส่วนนี้หากทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นประโยชน์ต่อการชะลอการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าในอนาคตได้

นายอารีพงศ์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยนั้น การดำเนินโครงการสมาร์ทกริด กระทรวงพลังงานมีการจัดทำแผนแม่บทโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ หรือแผนแม่บทสมาร์ทกริดแล้ว และมีการดำเนินโครงการนำร่องที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน มี กฟผ. เป็นผู้รับผิดชอบ แต่ยังเป็นรูปแบบ Micro Grid โดยกระทรวงพลังงานกำลังอยู่ในระหว่างเลือกพื้นที่ 5-6 แห่ง ที่จะดำเนินโครงการนำร่องในลักษณะเช่นเดียวกับที่เกาะเชจู


ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ http://www.thansettakij.com