สัตว์อีกชนิดที่จะรอดจากโลกร้อน จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก แมลงสาบ

เป็นที่ทราบกันดีว่าแมลงสาบถือกำเนิดมาบนโลกราว 250 ล้านปีมาแล้ว หรือนานกว่าการเกิดขึ้นมาของมนุษยชาติ (Homo) ที่เริ่มต้นขึ้น 2.8 ล้านปีก่อน และถือเป็นแมลงที่ทนทายาดที่สุดชนิดหนึ่ง สามารถมีชีวิตตามปกติได้นาน 1 เดือนโดยไม่ต้องมีอาหาร อยู่ได้นาน 45 นาทีโดยไม่ต้องมีอากาศ แมลงสาบบางชนิดอยู่ในอุณหภูมิ -5 ถึง -8°C นานถึง 12 ชั่วโมง แม้จะถูกตัดหัวก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ระยะหนึ่ง

เชื่อกันว่า มันสามารถเอาชีวิตรอดจากการพุ่งชนของอุกกาบาตจนทำให้ไดโดนเสาร์สูญพันธุ์ และเชื่อกันว่าหากมนุษย์ก่อสงครามนิวเคลียร์จนมนุษยชาติสิ้นสูญ แมลงสาบก็ยังเอาตัวรอดได้ ในความเป็นจริงแมลงสาบสามารถทนต่อกัมมันตรังสีในระดับอันตรายได้มากกว่ามนุษย์ถึง 6 - 15 เท่า

ความเชื่อเรื่องแมลงสาบมีความทนทานเหนือธรรมชาติ บางครั้งก็เกินความจริง และกลายเป็นเรื่องเล่าแบบปากต่อปาก เช่น มีเรื่องเล่ากันว่า หลังจากฮิโรชิมาและนางาซากิถูกทิ้งระเบิดปรมาณู มีผู้พบแมลงสาบไต่ขึ้นมาจากซากปรักหักพัง แสดงว่ามันเอาชีวิตรอดมาได้ในวิกฤตนิวเคลียร์ แต่จนถึงทุกวันนี้ยังไม่นักวิชาการได้เห็นภาพถ่ายแมลงสาบในฮิโรชิมะหลังการระเบิด ต่อมารายการ Mythbusters ได้ทำการทดลองด้วยการนำแมลงสาบมาอาบกัมมันตรังสี ปรากฎว่ามันมีชีวิตอยู่ได้นานกว่ามนุษย์ แต่ก็ต้องตายในที่สุด

อย่างไรก็ตาม มาร์ก เอลการ์ แห่ง University of Melbourne แย้งว่าการทดลองนี้ยังมีช่องโหว่ เพราะเพียงแค่นับช่วงเวลาดำรงชีพ ไม่ได้ตรวจดูว่าแมลงสาบมีความสามารถในการสืบทอดเผ่าพันธุ์ด้วยการวางไข่หลังรับรังสีหรือไม่

มาถึงภาวะโลกร้อน มีงานวิจัยพบว่า เมื่อ 10 ล้านปีที่แล้ว โลกเกิดวิกฤตสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง จนทวีปออสเตรเลียร้อนและแล้งจัด แมลงสาบเอาตัวรอดมาได้ด้วยการขุดหลุมอาศัย แสดงให้เห็นว่า แมลงสาบเอาชนะภาวะโลกร้อนมาแล้ว และในอนาคตมันอาจเอาตัวรอดได้อีก

ผิดกับมนุษยชาติที่มาทีหลังแล้วยังทำลายโลก แถมยังเปราะบางจนปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายไม่ได้

ที่มาของข่าว: www.posttoday.com