facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list

บทความ

 

ไทยตั้งรับมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป ด้วยมาตรการ Thai CBAM

15 ก.พ. 68

                    มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของ EU (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) เป็นหนึ่งในมาตรการภายใต้นโยบาย European Green Deal ของสหภาพยุโรป ซึ่งให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งใน EU และประเทศคู่ค้า เพื่อสร้างความเท่าเทียมทางต้นทุนราคาคาร์บอนของสินค้าที่ผลิตภายในและภายนอก EU รวมทั้งป้องกันไม่ให้ผู้ผลิตในสหภาพยุโรปสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และบรรเทาปัญหาการรั่วไหลของคาร์บอน (Carbon Leakages) ซึ่งเกิดจากการย้ายฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงจากใน EU ไปยังกลุ่มประเทศที่ไม่ได้มีการบังคับใช้มาตรการดังกล่าว โดยจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากผู้นำเข้าสินค้าที่มีการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตสูง (Carbon Intensive Products)

                    ปัจจุบันมาตรการ CBAM มีผลบังคับใช้แล้ว โดยอยู่ในช่วงระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Period) ซึ่งผู้นำเข้าสินค้าต้องรายงานข้อมูลปริมาณสินค้าที่นำเข้าและปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้า แต่ยังไม่ต้องซื้อใบรับรอง CBAM Certificate โดยกลุ่มสินค้าที่เข้าข่าย CBAM ในปัจจุบันมี 6 กลุ่ม ได้แก่ ซีเมนต์ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ปุ๋ย ไฟฟ้า และไฮโดรเจน

                    จากนั้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2026 เป็นต้นไป หรือในอีก 1 ปีข้างหน้า ผู้นำเข้าสินค้าต้องรายงานปริมาณสินค้าที่นำเข้าและปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้าเป็นรายปี และซื้อ CBAM Certificate หรือเอกสารรับรองการจ่ายค่าธรรมเนียมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หากสินค้านั้นมี Embedded emissions สูงในกระบวนการผลิตเมื่อเทียบกับค่ากลางความเข้มข้นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Benchmark value) ที่กำหนดโดย EU ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนและราคาของสินค้าเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นผู้ผลิตจึงต้องเร่งดำเนินการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงและเพิ่มความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สินค้ามีราคาที่แข่งขันในตลาด EU ได้

                    โดยข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แสดงให้เห็นว่า ในปี ค.ศ. 2023 การส่งออกสินค้าที่มาตรการ CBAM ครอบคลุม จากไทยไปยัง EU มีมูลค่า 364.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 1.69% ของการส่งออกสินค้าทั้งหมด โดยมีมูลค่าการส่งออกเหล็กและเหล็กกล้า มากถึง 288.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาคือ อะลูมิเนียม 75.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปุ๋ย 0.0176 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนกลุ่มซีเมนต์ ไฟฟ้า และไฮโดรเจน ไทยยังไม่มีการส่งออกสินค้าดังกล่าวไป EU ทั้งนี้ในช่วง Transitional Period มีเพียงผู้ผลิตไทยในกลุ่มอะลูมิเนียมเท่านั้นที่มีความพร้อมและมีการนำส่งข้อมูลค่า Embedded emissions ไปยังผู้นำเข้าสินค้า

                    ถึงแม้ว่าในภาพรวมการส่งออกไทยอาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการบังคับใช้มาตรการ CBAM ในระยะแรก แต่การบังคับใช้มาตรการ CBAM อาจนำไปสู่การเลียนแบบจากประเทศคู่ค้ารายอื่น ๆ เช่น สหราชอาณาจักร และ สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเพิ่มแรงกดดันให้ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวและลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการสินค้าส่งออกของไทย ทำให้ยอดการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่าง ๆ ลดลงได้

                    ดังนั้น เพื่อรับมือกับกลไกการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ระบบภาษี หรือ Non-Tariff Trade Barrier เพื่อเก็บส่วนต่างจากคาร์บอนในอนาคต ประเทศไทย จึงได้กำหนดกลไกการปรับราคาคาร์บอนข้ามพรมแดน หรือ Thai CBAM ไว้ในหมวด 9 ของร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ.... โดยกำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้ามีหน้าที่ต้องขึ้นทะเบียนและรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้านำเข้า พร้อมทั้งชำระราคาใบรับรองการปรับราคาคาร์บอนตามจำนวนเท่ากับ ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้านำเข้า โดยพิจารณาจากราคาเฉลี่ยของสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยซึ่งจะเป็นภาคบังคับในอนาคต และอาจขอลดหย่อนราคาใบรับรองการปรับราคาคาร์บอนได้ หากสินค้านั้นมีการชำระราคาคาร์บอนไปแล้วในประเทศผู้ผลิตสินค้า ส่วนสินค้านำเข้าประเภทใดบ้างที่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการ Thai CBAM จะมีการกำหนดในกฎกระทรวงซึ่งเป็นกฎหมายลำดับรองต่อไป

 

ที่มา/แหล่งข้อมูล

- https://www.pier.or.th/abridged/2024/13/

- https://www.nstda.or.th/home/news_post/bcg-implementation-cbam/

- https://url.fti.or.th/l/YbWiEr5A8

- ร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ....