งานวิจัยขององค์การออกซ์แฟม แห่งสหราชอาณาจักร เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ระบุว่า กลุ่มคนร่ำรวยที่สุดของโลก 1 % ก่อมลพิษคาร์บอน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาภาวะโลกร้อน (ขึ้น) มากกว่า 2 เท่า ของกลุ่มคนยากจนที่สุด ซึ่งมีประมาณ 40 % ของประชากรทั้งโลก คือ 3,100 ล้านคน
แม้ว่าปริมาณคาร์บอนที่ถูกปล่อย จะลดลงอย่างมาก ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่โลกยังมีแนวโน้ม อุณหภูมิร้อนขึ้นอีกหลายองศาเซลเซียสในศตวรรษนี้ เป็นภัยคุกคามต่อกลุ่มประเทศยากจน และประเทศที่กำลังพัฒนาด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการโยกย้ายถิ่นฐาน
รายงานการวิเคราะห์ของออกซ์แฟม แสดงให้เห็นว่า ระหว่างปี พ.ศ. 2533 – 2558 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนรายปี สูงถึง 60 % กลุ่มประเทศร่ำรวยรับผิดชอบต่อการทำให้งบประมาณคาร์บอน (Carbon Budget) ของโลก หมดสิ้นไปเกือบ 1 ใน 3
งบประมาณคาร์บอนคือ การจำกัดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมทั้งการกระจายตัว สู่ชั้นบรรยากาศ มหาสมุทรและแผ่นดิน
ข้อตกลงลดโลกร้อนกรุงปารีส เมื่อปี 2558 ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเห็นพ้อง ช่วยกันจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยโลกสูงขึ้น ไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส จากระดับก่อนที่โลกจะเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม
แต่การปล่อยคาร์บอนสูงขึ้น ต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้น และรายงานผลการวิคราะห์หลายสำนักกล่าวเตือนว่า การปล่อยคาร์บอนทั่วโลกลดลงอย่างมากในช่วงโควิด-19 ระบาด ถือเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน หากทั่วโลกไม่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ แบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ความหายนะของจริงจะได้เห็นกันอย่างแน่นอน
ที่มา
เดลินิวส์