เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว แต่เชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าช่วงเวลาสัมผัสอากาศหนาว น้อยลงกว่าสมัยก่อนมาก สาเหตุสำคัญมาจากอุณหภูมิที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลกระทบที่เกิดจากอุณหภูมิสูงขึ้น ทั้งการเกิดภัยพิบัติที่รุนแรง สภาพอากาศแปรปรวน การขาดแคลนทรัพยากรน้ำและอาหาร ล้วนส่งผลกระทบทางลบต่อการเกษตร อุตสาหกรรม และผลิตภาพแรงงาน จากสภาวะการทำงานที่ยากลำบากขึ้น ทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจได้รับผลกระทบด้วย และยังไม่ได้นับรวมงบประมาณที่ต้องสูญเสียไปเพื่อแก้ไขและเยียวยา
อิโคโนมิสต์อิเทลลิเจนซ์ยูนิต หรือ อีไอยู เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า อุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้น จะทำให้จีดีพีของโลก ลดลงร้อยละ 3 ภายในปี 2593 จาก 258 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,789 ล้านล้านบาท เหลือ 250 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,548 ล้านล้านบาท และจะทำให้ช่องว่างระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนายิ่งห่างมากขึ้นอีก ผลการวิเคราะห์ระบุว่าประเทศที่เสี่ยงสูงที่สุด คือแองโกลา ซึ่งจีดีพีเสี่ยงลดลงร้อยละ 6.1 รองลงมา คือไนจีเรีย ร้อยละ 5.9, อียิปต์ร้อยละ 5.5, บังกลาเทศ ร้อยละ 5.4 และเวเนซุเอลา ร้อยละ 5.1
ที่มาของข่าว: www.news.thaipbs.or.th