“ความร่วมมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพีในครั้งนี้มีความสำคัญเนื่องจากเครือซีพีเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ การขับเคลื่อนของเครือซีพีจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะผลักดันในภาคธุรกิจเอกชนสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ดีกว่าและยั่งยืนของทุกคนบนโลกของเรา”นางประเสริฐสุขกล่าว นายนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นวาระสำคัญของโลกที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันของประชาคมโลก ซึ่งเครือซีพีในฐานะภาคธุรกิจเอกชนที่ให้ความสำคัญในการร่วมแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีการดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายในการขับเคลื่อนเครือฯ เป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ภายในปี 2573
“หนึ่งในมาตรการสำคัญ คือการประกาศขับเคลื่อนโครงการ “We Grow….ปลูกเพื่อความยั่งยืน” รณรงค์ให้มีการปลูกไม้ยืนต้นในหน่วยงาน และส่งเสริมสนับสนุนให้พันธมิตรและภาคีเครือข่ายชุมชนต่างๆ ร่วมกันปลูกเพื่อความยั่งยืน ทั้งนี้เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศไทยและโลก โดยมีการจัดทำกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้ได้กับกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในเครือฯ ที่อยู่ทั่วโลก และจะมีการแบ่งปันแนวทางการพัฒนารูปแบบการดำเนินโครงการ เพื่อกระตุ้นและผลักดันให้กลุ่มธุรกิจในเครือฯ นำไปขยายผลซึ่งจะทำให้เครือฯ และบริษัทในเครือฯ เป็นองค์กร Carbon Neutral ได้สำเร็จตามที่กำหนดไว้ในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของเครือฯ” นายนพปฎลกล่าว
นายนพปฎลกล่าวว่า นอกจากนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังนำแอพพลิเคชั่น We Grow ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาโดยกลุ่มทรู บริษัทในเครือฯ มาเป็นเครื่องมือสนับสนุนการสร้างความร่วมมือในการปลูกต้นไม้ในโครงการ ” We Grow…ปลูกเพื่อความยั่งยืน “ซึ่งแอพพลิเคชั่นนี้จะช่วยให้สามารถบันทึกข้อมูลการปลูกต้นไม้ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้เรื่องปลูกต้นไม้ และช่วยคำนวณปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลงจากการปลูกต้นไม้
ทั้งนี้ เครือซีพียังสนับสนุนงบประมาณแก่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อใช้ในการศึกษาหลักเกณฑ์ตัวชี้วัดการประเมินมูลค่าไม้ยืนต้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดมาตรฐานการคำนวณมูลค่าของเนื้อไม้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศไทย
ขอขอบคุณที่มาของข่าว สำนักข่าวมติชน