นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.ในฐานะผู้รับทุนในนามรัฐบาลไทย ร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIS) ดำเนินโครงการผลักดันอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นของประเทศไทย จำนวน 9 ราย หันมาใช้สารทำความเย็นธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมช่างจำนวน 8 แห่งทั่วประเทศ โดยมีครูต้นแบบที่ผ่านการอบรมแล้วกว่า 150 คน ซึ่งกฟผ. ทำหน้าที่บริหารจัดการกองทุน RAC NAMA มาตั้งแต่ปี 2560 จำนวน 8.3 ล้านยูโร หรือประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารทำความเย็นธรรมชาติ ทั้งด้านการผลิต การบริโภค และภาคบริการ
โดย กฟผ. ได้สนับสนุนเงินทุนผ่านมาตรการทางการเงินต่างๆ ได้แก่ เงินสนับสนุนกระตุ้นการใช้ผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภค จำนวนกว่า 10 ล้านบาท สำหรับสินค้าที่ออกสู่ตลาดแล้ว ทำให้สามารถกระตุ้นยอดการซื้อตู้เย็นที่ใช้สารทำความเย็นธรรมชาติได้กว่า 15,000 เครื่อง และประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 1.1 ล้านหน่วยต่อปี เงินสนับสนุนระยะสั้นปลอดดอกเบี้ย ระยะเวลา 1 ปี ให้กับผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องทำความเย็นไทยเพื่อช่วยสร้างสภาพคล่องทางการเงินในการลงทุนสำหรับการปรับเปลี่ยนสายการผลิตไปสู่การใช้เทคโนโลยีสารทำความเย็นธรรมชาติ จำนวน 52 ล้านบาท เงินอุดหนุนแบบให้เปล่าให้กับผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องทำความเย็นไทย สำหรับการปรับเปลี่ยนสายการผลิตไปสู่การใช้เทคโนโลยีสารทำความเย็นธรรมชาติ จำนวนกว่า 90 ล้านบาท
เงินอุดหนุนสำหรับการจัดหาอุปกรณ์สำหรับฝึกอบรมและจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม 8 แห่งทั่วประเทศ จำนวน 15 ล้านบาท และเงินสนับสนุนปลอดดอกเบี้ยสำหรับการดำเนินงานมาตรการทางการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายของเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น จำนวนกว่า 155 ล้านบาท
“ปีนี้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีสารทำความเย็นธรรมชาติจะเริ่มออกสู่ตลาดในประเทศ โดยคาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์กว่า 100,000 เครื่อง มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 50% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ทั้งยังมีแผนที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปยังตลาดภูมิภาคยุโรปและประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นด้วย คาดว่าปริมาณผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดจนถึงปี 2573 จะสามารถช่วยประหยัดการใช้พลังงานได้สูงถึง 3,500 ล้านหน่วยต่อปี”
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การส่งเสริมการลดใช้สารทำความเย็นที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น เห็นได้จากค่าศักยภาพการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming Potential: GWP) อยู่ในระดับต่ำ โดยผสมผสานรูปแบบการสร้างโอกาสทางธุรกิจ การวิจัยและพัฒนา การถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ร่วมกับการจัดการปัญหาทางสิ่งแวดล้อม การลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 20-25% ภายในปี 2573 ตามเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contribution: NDC)
ที่มาของข่่าว :
ขอขอบคุณสำนักพิมพ์ข่าวสด
บทความ : "การลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้การแก้ไขเพิ่มเติมคิกาลี (Kigali Amendment)ของพิธีสารมอนทรีออล (Montreal Protocol)"