facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • [image_name]

โลกร้อนปลุกจักจั่นโผล่จำศีลเร็วขึ้น

25 พ.ค. 63

หายนะจากน้ำมือมนุษย์และธรรมชาติยังไม่จบง่ายๆ ในปีนี้ที่สหรัฐอเมริกากำลังถูกรุกรานโดยฝูงจักจั่นที่มากกว่าถึงหลักล้านล้านตัว (Trillions) ขณะที่ก่อนหน้านี้แอฟริกาประสบภัยคุกคามจากตั๊กแตนหลายพันล้านตัวบุกทำลายพืชผลการเกษตรจนทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร

ตามปกติจักจั่นจะฝังตัวเองในดินและโผล่ขึ้นมาโบยบินตามฤดูกาลทุกปี แต่มีสายพันธุ์หนึ่งที่ฝังตัวในดินนานนับสิบปี คือ Magicicada หรือ Periodical cicadas มันจะอยู่ในดินจนเป็นตัวเต็มที่นานถึง 13 - 17 ปี

ระหว่างนั้นมันจะกินสารอาหารจากพืชตระกูลต้นสนเลี้ยงชีวิต และคาดว่ามันคงเชื่อมนาฬิกาชีวิตของพวกมันกับวงจรชีวิตของต้นไม้ เมื่อพบว่าถึงเวลาแล้วก็จะตื่นจากจำศีลพร้อมๆ กันราวๆ เดือนพฤษภาคม

เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งก็คืออากาศที่อุ่นได้ที่มันจะโผล่ขึ้นมาจากดินพร้อมๆ กันเป็นล้านล้านตัวเพื่อผสมพันธุ์แล้ววางไข่ เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นในเวลา 2 เดือนพวกมันจะตายไปทิ้งไข่ไว้ในดินรอที่จะกลับมาเหนือผืนโลกอีก 13 - 17 ปีข้างหน้า

ยังมีหลายเรื่องที่ยังเป็นปริศนาเกี่ยวกับจักจั่นพันธุ์นี้ นักวิทยาศาสตร์คาดว่าที่พวกมันต้องฝังตัวในดินนานๆ แล้วโผล่ขึ้นมาพร้อมๆ กันหลังจากผ่านไป 17 ปีก็เพื่อหลีกเลี่ยงสัตว์นักล่าด้วยการออกมาพร้อมๆ กันจนสัตว์นักล่ากินพวกมันไม่ทัน

การคืนชีพของจักจั่น Magicicada เรียกว่าครอก (Broods) จะเกิดขึ้นในภาคตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งบังเอิญที่ปีนี้มันจะเกิดครอกใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ทุก 17 ปี และครั้งนี้บังเอิญเกิดขึ้นพร้อมกับการระบาดของโควิด-19

ที่ต้องจับตากันให้ดีก็คือแทนที่คราวนี้มันจะเกิดขึ้นเฉพาะในภาคตะวันออก มันยังจะลามไปถึงปีหน้าและจะเกิดขึ้นในภาคกลาง หรือมิดเวสต์ของสหรัฐอเมริกา คาดว่าจำนวนจะมากถึงหลักล้านล้านตัว

หากนึกไม่ออกลองจินตนาการดูว่าจักจั่นประมาณ 1.5 ล้านตัวสามารถคลานออกมาจากใต้ผืนดินประมาณ 2.5 ไร่

โชคดีไปที่จักจั่นจำศีลระยะยาวพวกนี้ไม่เป็นอันตรายต่อพืชผลที่เป็นอาหารของมนุษย์ แต่จะเป็นอันตรายต่อพืชจำพวกกล้วยไม้ พืชไม้เลื้อย และต้นไม้ยืนต้น

ปัญหาอีกอย่างคือเสียงดังรบกวนหู เพราะตัวผู้กลุ่มหนึ่งๆ สามารถกรีดเสียงได้ดังมากถึง 90 เดซิเบลเลยทีเดียว การส่งเสียงร้องของตัวผู้ก็เพื่อเรียกตัวเมียมาผสมพันธุ์นั่นเอง

แต่ข้อดีของพวกมันคือ เมื่อพวกมันตายพร้อมๆ กันซากของจักจั่นจะสลายตัวบนพื้นดินทั่วไปทำให้เกิดคลังทรัพยากรธาตุอาหารแก่ชุมชนป่าไม้อย่างมหาศาล

หลังจากขึ้นมาจากดินในปีนี้และปีหน้า จักจั่นโตเต็มไวจะฝังไข่ไว้ในดินแล้วพวกมันจะเติบโตต่อไปใต้ดินนาน 16 - 17 ปี จนกว่าจะปรากฏตัวอีกครั้งในปี 2580

แต่ปัญหาก็คือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือภาวะโลกร้อนที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ อาจจะเปลี่ยนวงจรชีวิตของพวกมันในอนาคต

นักวิทยาศาสตร์กังวลกันมานานหลายปีแล้วว่า มีโอกาสที่ภาวะโลกร้อนจะทำให้จักจั่นจำศีลระยะยาวพวกนี้โผล่ขึ้นมาจากดินเร็วกว่ากำหนด 4 ปี และในปี 2560 มีการพบจักจั่นพวกนี้ออกจากจำศีลเร็วกว่ากำหนดในบางพื้นที่ทั้งๆ ที่พวกมันควรจะออกมาในปี 2564

ที่น่าตกใจก็คือ นักวิทยาศาสตร์บอกว่าในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 เป็นเรื่องยากที่จะได้ยินเสียงร้องของจักจั่นร้องก่อนจะถึงปลายเดือนพฤษภาคม แต่ในระยะหลังมีรายงานว่าเริ่มได้ยินเสียงจักจั่นตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ซึ่งหมายความว่าฤดูร้อนมาเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ที่มาของข่าว : facebook:igreen