facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 564000009098201

ภัยพิบัติธรรมชาติ โหดจัด! คร่าชีวิตกว่า 2 ล้านคน “รุนแรงขึ้น 5 เท่า ในรอบครึ่งศตวรรษ”

09 ก.ย. 64

รายงานฉบับใหม่โดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกระบุว่า ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดบ่อยขึ้น 5 เท่า คร่าชีวิตประชาชนมากกว่า 2 ล้านคน และทำเศรษฐกิจโลกเสียหายมากกว่า 100 ล้านล้านบาท

               องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เผยแพร่รายงานฉบับใหม่เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการวิเคราะห์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ว่าผลจากความเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศของโลกประมาณ 11,000 เหตุการณ์ ในรอบ 50 ปี นับย้อนหลังตั้งแต่ปี1970 ถึง 2019 (พ.ศ. 2513-2562) ซึ่งรวมถึงวิกฤตภัยแล้งในเอธิโอเปีย เมื่อปี 1983 (พ.ศ.2526) ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนมากกว่า 330,000 ราย และพายุเฮอริเคน "แคทรีนา" ที่ถล่มสหรัฐ เมื่อปี 2005 (พ.ศ.2548)

วิกฤตภัยแล้งในเอธิโอเปีย เมื่อปี 1983
 
วิกฤตภัยแล้งในเอธิโอเปีย เมื่อปี 1983

พายุเฮอริเคน ชื่อว่าแคทรีนา ในสหรัฐ เมื่อปี 2005
 
พายุเฮอริเคน ชื่อว่าแคทรีนา ในสหรัฐ เมื่อปี 2005

               ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว ภัยพิบัติทางธรรมชาติมีสาเหตุมาจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศโลก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งด้านความถี่ที่เกิดขึ้น และระดับของความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า จากระยะเวลาช่วงเริ่มต้นของฐานข้อมูล คือปี 2513 มาจนถึงช่วงทศวรรษปัจจุบัน ซึ่งความถี่ของการเกิดภัยพิบัติธรรมชาติแปรสัมพันธ์กับภาวะโลกร้อน

               ขณะเดียวกัน การที่ภัยพิบัติทางธรรมชาติมีความรุนแรงและสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นจาก 175,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 5.67 ล้านล้านบาท ) ในช่วงเวลาเริ่มต้นของฐานข้อมูล เป็น 1.38 ล้านล้านดอลาร์สหรัฐ ( ราว 44.65 ล้านล้านบาท ) ในช่วงทศวรรษล่าสุดนับตั้งแต่ปี 2553 เนื่องจากสหรัฐเผชิญกับอิทธิพลของเฮอริเคนหลายลูก

น้ำท่วมบังคลาเทศ เมื่อปี 2007
 
น้ำท่วมบังคลาเทศ เมื่อปี 2007

คลื่นยักษ์สึนามิ ที่ญี่ปุ่น เมื่อปี 2011
 
คลื่นยักษ์สึนามิ ที่ญี่ปุ่น เมื่อปี 2011

               ทั้งนี้ บทเรียนจากภัยพิบัติทางธรรมชาติซึ่งเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง "ล้วนมีราคาแพง" ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่า 3.64 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 117.68 ล้านล้านบาท ) ตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา แต่ทำให้มนุษย์เพิ่มการศึกษา มีการรับมือและการแก้ไขสถานการณ์ที่ดีขึ้น เห็นได้จากจำนวนผู้เสียชีวิตที่ลดลง จากเฉลี่ยปีละมากกว่า 50,000 ราย ในช่วงเริ่มต้นของการสำรวจ ลงมาอยู่ที่ประมาณ 18,000 รายต่อปี

               อย่างไรก็ตาม รายงานขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกทิ้งท้ายว่า ประเทศที่ยากจนและกำลังพัฒนายังคงต้องการความสนับสนุนด้านระบบเตือนภัยสภาพอากาศ เนื่องจากมีเพียงสมาชิกดับเบิลยูเอ็มโอเพียงครึ่งเดียว จากทั้งหมด 193 ประเทศ ที่มีระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ และ 91% จากจำนวน 2 ล้านรายของผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติทางธรรมชาติบนโลกตลอด 50 ปีที่ผ่านมา อาศัยอยู่ในกลุ่มประเทศเหล่านี้

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์