facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]

TGO ร่วมงานสัมมนา “Decarbonize Thailand Symposium 2022” ตอกย้ำความร่วมมือรัฐและเอกชน เร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลังงานแห่งอนาคต สู่เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ

24 พ.ย. 65

         วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO โดย นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการ TGO เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และร่วมเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ From 350 millions tons to Zero: Where are we now and where are we going?” ภายในงานสัมมนา Decarbonize Thailand Symposium 2022” ณ True Digital Park Grand Hall อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค เวสต์ ซึ่งเป็นงานที่ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญ ด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดองค์ความรู้ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับประชาชาชน รวมถึงประสบการณ์การร่วมงานกันระหว่างสตาร์ทอัพและองค์กรธุรกิจในประเทศไทยที่มีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยี

          ในการนี้ นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการ TGO เปิดเผยว่า ในปัจจุบันทั่วโลกต่างให้ความสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมีเป้าหมายรักษาระดับอุณหภูมิเฉลี่ยโลกให้สูงขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส สำหรับประเทศไทยหลังเข้าร่วม COP26 ได้ประกาศเป้าหมายสำคัญที่จะเป็น Carbon Neutrality ในปี 2050 และ Net Zero GHG Emission ภายในปี 2065 โดยในปัจจุบันประเทศไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีนโยบายส่งเสริมทั้งการปลูกต้นไม้ ป่าชายเลน เพิ่มพื้นที่สีเขียว และการประสานงานกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงาน การขนส่ง ภาคอุตสาหกรรม และภาคการเกษตร

          ทั้งนี้การมุ่งไปสู่เป้าหมายเป็น Carbon Neutrality ต้องมีการบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วน โดยภาครัฐจะต้องเป็นผู้นำในการสนับสนุนองค์ความรู้ สร้างมาตรฐานในการวัดและประเมินผล ออกกฎหมายทั้งในเชิงส่งเสริมและจำกัดขอบเขต เพื่อให้ภาคเอกชนเกิดแรงจูงใจในการลงทุนกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง เพื่อสร้างโอกาสของธุรกิจที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของภาคเอกชน ทำให้การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีต้นทุนที่ต่ำลงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

           ภาพรวมตลาดคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย ที่เป็นการซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ได้เข้าร่วมโครงการ T-VER มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการซื้อขายคาร์บอนเครดิตผ่านโครงการ T-VER ในช่วง 8 เดือนแรกปี 2565 เติบโต 425% เมื่อเทียบกับปริมาณทั้งปี 2564 และคิดเป็นเพียง 0.3% ของก๊าซเรือนกระจกจากประเทศไทยปล่อยทั้งหมดต่อปี ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในทุกปี สำหรับภาพรวมของตลาดคาร์บอนเครดิตโลกในช่วงที่ผ่านมามีมูลค่าประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท และประเมินว่ามูลค่าตลาดจะสูงถึง 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7.50 แสนล้านบาท ในปี 2573 ดังนั้น การจัดงานสัมมนาครั้งนี้จะมีส่วนช่วยการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายของไทย