facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
Search
icon switch languageLang
Text size
Display
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list

NEWS UPDATE

 

  • 2166

รร. ในออสเตรเลียแบนถังขยะ ให้ นร. นำกลับไปทิ้งบ้าน

25 Aug 2019

สัปดาห์นี้ชวนดูการแก้ไขปัญหาขยะในโรงเรียนออสเตรเลีย ที่ผุดไอเดียกรีน เลิกตั้งถังขยะในโรงเรียน ให้ นร. เอาขยะกลับไปทิ้งที่บ้าน กระตุ้นผู้ปกครองช่วยลูกลดสร้างขยะ-ให้เด็กพกภาชนะใช้ซ้ำได้ ดันเป็นโรงเรียนไร้ขยะ Zero Waste

โรงเรียน Melbourne Girl's College (MGC) ในออสเตรเลียเตรียมนำถังขยะออกจากห้องเรียนและโรงเรียน และประกาศให้นักเรียนนำขยะไปทิ้งที่บ้านแทน เพื่อกระตุ้นให้ไม่สร้างขยะ โดยหวังว่าทางพ่อแม่ครอบครัวจะตระหนักถึงเรื่องนี้และไม่สร้างขยะ ไม่ซื้อของที่มีหีบห่อ ภาชนะใช้ครั้งเดียวทิ้ง และห่อกล่องข้าว และให้เด็กพกภาชนะแบบใช้ซ้ำได้ให้ลูกๆ เอาไปกินกลางวันแทน

 

“ไอเดียนี้ก็คล้ายกับเวลาที่ไปเที่ยวอุทยานในออสเตรเลีย ขยะที่คุณนำเข้าไป คุณมีหน้าที่นำมันออกมาด้วย” Karen Money ครูผู้ริเริ่มโครงการนี้กล่าว

 

Karen Money บอกว่า ไอเดียนี้มาจากกลุ่มนักเรียนที่ทำงานเพื่อความยั่งยืนของโรงเรียน โดยนักเรียนที่ใช้กล่องข้าวหรืออุปกรณ์ที่ใช้ซ้ำได้ จะได้เหรียญเพื่อสะสมเอาไปแลกรางวัลภายหลัง

 

โดยอาหารที่เหลือนั้นจะถูกนำไปทิ้งในถังหมัก (Compost Bins) และโรงเรียนจะมีการรีไซเคิลกระดาษต่อไป และจะยังมีถังใส่ผ้าอนามัยไว้ในห้องน้ำอีกด้วย

 

“เราพยายามสร้างนักเรียนให้เป็นนักคิดที่จะแก้ไขปัญหาใหญ่ต่างๆ ของโลกนี้ โดยปัญหาโลกร้อน และปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่เด็กๆ กังวล พวกเราจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ลงถ้าเราไม่ลงมือทำอะไรเลย” Money กล่าว

 

โดยโครงการนี้ได้ปรึกษาผู้ปกครองถึง 6 เดือน และแม้ตอนนี้ยังไม่สามารถโน้มน้าวทุกคนได้ แต่ Karen Money ก็บอกว่า อย่างน้อยเราต้องลองลงมือทำ มันเป็นเรื่องของการศึกษา และการสื่อสาร และการทำให้เห็นว่าเรากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่

 

ทางโรงเรียนหวังว่าสิ่งนี้จะกระตุ้นให้นักเรียนหรือแม้กระทั่งบุคลากรในโรงเรียนลดการสร้างขยะโดยการไม่นำมาโรงเรียน และก็สร้างขยะในบ้านของตัวเองให้น้อยลง ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ปกครองที่เริ่มจะแพ็คข้าวกลางวันด้วยกล่องข้าวให้ลูกแบบใช้ซ้ำได้

 

นอกจากนี้ทางโรงเรียนยังมีการรักษาสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนแบบอื่นๆ เช่น การรณรงค์ลด เลิกสร้างขยะพลาสติก และลดสร้างคาร์บอนในโรงเรียนอีกด้วย

 

ที่มาของข่าว: www.dailynews.co.th