ยุโรปมีบทบาทนำในนโยบายสิ่งแวดล้อมและการต่อสู้กับสภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมาตลอด และดูจะไม่ละทิ้งอุดมการณ์ดังกล่าว และกำลังวางแผนการลดโลกร้อนสำหรับอนาคต 10-30 ปีข้างหน้าอย่างจริงจัง ผ่านแผนการใหม่นี้ที่เรียกว่า European Green Deal

 

นาง Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปคนใหม่ ซึ่งนับเป็นผู้นำหญิงคนแรกของสหภาพยุโรป ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ธ.ค. ศกนี้ ได้ออกมาประกาศความมุ่งมั่นของยุโรปในการเดินหน้ามาตรการลดโลกร้อนว่าจะเป็นนโยบายที่ยุโรปจะให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ภายใต้การนำของเธอ ผ่านแผนการใหม่นี้ที่เรียกว่า European Green Deal โดยเธอมีแผนการจะกำหนดรายละเอียดของมาตรการลดโลกร้อนดังกล่าวให้ได้ภายใน 100 วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง

 

นาง Ursula von der Leyen ประกาศว่า ยุโรปจะเป็น “the world’s first climate-neutral continent” ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) ในอีก 30 ปีข้างหน้า

 

ในแผนการของเธอ เธอต้องให้ให้ยุโรปตั้งเป้าหมายใหม่ในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ลงให้ได้ 50% ภายในปี ค.ศ. 2030 หรือในอีก 10 ปีข้างหน้า (โดยใช้ฐานของปี ค.ศ. 1990 มาวัด) จากเป้าหมายปัจจุบันของยุโรป คือ การลดอยู่ที่ 40% หลักการ คือ เป้าหมายการลดที่ยิ่งสูง ยิ่งดีต่อสิ่งแวดล้อม

 

เป้าหมายการลดโลกร้อนของยุโรปดังกล่าว ได้รับการวิพากวิจารณ์จากภาคอุตสาหกรรมยุโรปมากกว่า ยิ่งทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจยุโรปลดลง แต่ในขณะเดียวกันภาคประชาสังคมและ NGOs ด้านสิ่งแวดล้อมของยุโรปหลักดันเป้าหมายไปถึง 60% หรือแม้แต่ 70% ภายในปี ค.ศ. 2030

 

ที่น่าสนใจ คือ ภายในแผนการดังกล่าว ยุโรปมีแผนจะเก็บภาษีคาร์บอนและก๊าซเรือกกระจก หรือ carbon border tax กับบริษัทต่างประเทศ นี่เป็นวิธีการปกป้องขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทยุโรปที่ต้องมุ่งหน้าลดโลกร้อนทำตามแผน Green Deal โดย นาง Von der Leyen กล่าวว่า มาตรการเก็บภาษีคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกดังกล่าว ไม่ได้ขัดกับหลักการขององค์กรการค้าระหว่างประเทศแต่อย่างใด และยุโรปจะเริ่มบางอุตสาหกรรมก่อนเท่านั้น

 

นอกจากนั้น ยุโรปก็จะยกเครื่องมาตรการ EU emissions trading system หรือ ETS ใหม่ เพื่อเก็บภาษีในอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยจะรวมอุตสาหกรรมการบินและการเดินเรือ รวมทั้งอุตสาหกรรมการก่อสร้างและคมนาคมอย่างแน่นอน

 

สัปดาห์นี้ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน จะมีการประชุม COP25 หรือการประชุม UNFCCC (United Nations Framework Convention on Climate Change) ครั้งที่ 25 ระหว่างวันที่ 2-13 ธ.ค. ภายใต้การนำของประเทศชิลี นานาประเทศจะร่วมการหารือและเจรจาเป้าหมายในการลดก๊าซเรือกระจกและลดโลกร้อนร่วมกัน

 

ที่มาของข่าว: www.bangkokbiznews.com