วันที่ 11 ตุลาคม 2566 องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO โดย นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการ TGO ร่วมเป็นวิทยากรในการเสวนาหัวข้อ “Bring you to the Universe by ESG” ภายใต้งาน “ESG Universe พา SME ไทย ไป Universe” ซึ่งจัดโดย บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (PMG) เพื่อเปิดตัวแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ ESG Universe ซึ่งเป็นสื่อกลางส่งเสริมความรู้ และกิจกรรมด้านความยั่งยืน เชื่อมโยงภาคสังคม ภาครัฐ และภาคธุรกิจ ให้ร่วมผลักดันประเทศ มุ่งสู่ SDGs พร้อมกระตุ้น SME ให้เห็นความสำคัญกับแนวคิด ESG: Environment, Social และ Governance เพื่อเพิ่มโอกาสทางการส่งออก และสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กร รวมทั้งประเทศและสังคมโลกต่อไป โดยมี ดร.มงคล ลีลาธรรม ประธานกรรมการบริหาร PMG เป็นประธานกล่าวเปิดงาน ทั้งนี้มีองค์กรพันธมิตรจากภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม รวมทั้งสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ True Space สยามสแควร์ กรุงเทพฯ

                ในการเสวนา นายเกียรติชายฯ ผู้อำนวยการ TGO ได้ร่วมบรรยายให้ความรู้และแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อน SMEs ไทยให้เปลี่ยนผ่านสู่ ESG ได้อย่างยั่งยืน โดยกล่าวว่า

               “ESG ในปัจจุบันถือเป็นข้อกำหนด บีบให้ภาคธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ ต้องมีการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพราะภาคการลงทุนให้ความสำคัญกับปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) ภาคธุรกิจจึงต้องรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อดูว่ามีส่วนทำบาปและสร้างเงื่อนไข เพิ่มความเสี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับโลกหรือไม่ หากปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากก็ไม่ควรลงทุน เพราะเป็นบริษัทที่ทำบาปกับโลก เราปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมมากแล้ว จึงมีโอกาสปล่อยเพิ่มได้น้อยมาก เป้าหมายสูงสุดคือทุกธุรกิจไม่ปล่อยเลย หรือ คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) หรือมีทางเลือกโดยไปหาคนอื่นที่มีการกักเก็บคาร์บอน เช่น ธุรกิจสีเขียว ปลูกต้นไม้ ก็มาลบได้ ไม่จำเป็นต้องทำเองทั้งหมด”

               ทั้งยังกล่าวว่า “สิ่งที่ประเทศไทยจะไปนำเสนอใน COP28 ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คือแนวทางยุทธศาสตร์ เปลี่ยนผ่านประเทศสู่ความยั่งยืนและเศรษฐกิจสีเขียว โดยใช้พื้นฐานที่เข้มแข็งในภาคการเกษตร ซึ่งเป็นหน้าที่องค์กรใหญ่ที่รับผิดชอบเข้าไปช่วยลงทุนวางระบบให้ธุรกิจเติบโตจากด้านเทคโนโลยี และเงินร่วมลงทุน เพื่อช่วยธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยถูกกำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี จะถือเป็นโอกาสสำคัญในการช่วย SMEs ในการยกระดับตัวเอง”