facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]

TGO ร่วมพิธีครบรอบ 23 ปี ทส. รับนโยบาย “รมว.สุชาติ” มุ่งเป้าพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของประชาชน

03 ต.ค. 68

                  วันที่ 3 ตุลาคม 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ ทส. และ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO โดย นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ดร.ณัฐริกา วายุภาพ นิติพน รองผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก นายรองเพชร บุญช่วยดี รองผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ร่วมสักการะพระพุทธสยัมภู พระพุทธรูปประจำกระทรวงฯ และศาลพระภูมิเจ้าที่ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ครบรอบ 23 ปี พร้อมจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลในการปฏิบัติหน้าที่ และเสริมพลังใจให้แก่บุคลากรในสังกัดกระทรวงฯ ในการปกป้อง ดูแล และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ

                  ภายหลังพิธี นายสุชาติ ได้มอบนโยบายการขับเคลื่อนงานของกระทรวงฯ โดยเน้นย้ำการทำงานใน 5 ด้านสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนงานของกระทรวงฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือน ได้แก่

                  1) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติเพื่อประชาชน โดยให้ความสำคัญกับงานตามพระราชดำริ รวมถึงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างมีส่วนร่วม เร่งรัดกฎหมายสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม การแก้ปัญหาสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่ และการผลักดันการพัฒนาแหล่งน้ำทั้งผิวดินและใต้ดินเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชน

                  2) การส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงฯ ให้เป็นแหล่งรายได้และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน การอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ป่าสร้างพื้นที่สีเขียวให้เพิ่มขึ้น การส่งเสริมให้คนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน และเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าอย่างจริงจัง ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนที่ได้รับสิทธิให้อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่า

                  3) การป้องกันและแก้ไขปัญหาพิบัติภัยทางธรรมชาติ ด้วยการยกระดับศูนย์เตือนภัยของกระทรวงฯ ทั้งการเฝ้าระวังด้านน้ำและด้านธรณีพิบัติภัย รวมถึงการพัฒนาเครือข่ายเตือนภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชน

                  4) การจัดการสิ่งแวดล้อมโดยการมีส่วนร่วม โดยเฉพาะการเร่งเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และบูรณาการความร่วมมือการป้องกันแก้ไขปัญหาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยอย่างเป็นเอกภาพ การเร่งแก้ไขปัญหา และผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ แก้ไขปัญหา PM 2.5 หมอกควัน ไฟป่า และมลพิษข้ามแดนมลพิษข้ามแดน เช่น ปัญหาหมอกควัน และปัญหาสิ่งปนเปื้อนในลำน้ำ รวมถึงการส่งเสริมให้กลไก EIA และ EHIA เป็นเครื่องมือหลักในการป้องกันและควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน

5) การเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน ด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและ AI เพื่อการให้บริการประชาชนที่ครอบคลุม ให้บริการได้ทุกพื้นที่ ทุกรูปแบบ เกิดความโปร่งใส รวดเร็ว และตรวจสอบได้

                  นอกจากนี้ นายสุชาติ ยังได้เน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญกับการดูแลขวัญกำลังใจและสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในแต่ละหน่วยงาน รวมถึงการคัดเลือกบุคลากรให้เหมาะสมกับงาน และขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับจัดทำแผนงานที่ชัดเจน ปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมถึงน้อมนำงานตามพระราชดำริมาดำเนินการให้เกิดประโยชน์กับประชาชน เพื่อให้การดำเนินงานทั้งหมดของกระทรวงฯ สามารถวัดผลได้ภายในระยะเวลา 4 เดือนของรัฐบาล  และประชาชนสัมผัสได้ถึงผลการปฏิบัติงานอย่างเป็นรูปธรรม ให้กระทรวงฯ สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง และก้าวไปข้างหน้าด้วยความโปร่งใสและมั่นคง