facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 1039

ก๊าซเรือนกระจก ขั้วโลกใต้สูงเป็นประวัติการณ์

21 มิ.ย. 59

สำนักงานจัดการมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ (โนอา) ของสหรัฐอเมริกา แถลงเมื่อ 16 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ว่า หอสังเกตการณ์ขั้วโลกใต้ ซึ่งตั้งอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกา ได้ตรวจสอบพบว่าปริมาณการปนเปื้อนคาร์บอนไดออกไซด์ ในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นถึงระดับ 400 พีพีเอ็ม (400 ส่วนใน 1 ล้านส่วน) เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า เป็นระดับที่จะก่อให้เกิดอันตรายสูงจากภาวะการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศโลก

ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ระดับของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศของโลกในตอนที่มนุษย์เริ่มการปฏิวัติอุตสาหกรรมนั้นอยู่ระหว่าง 280-300 พีพีเอ็ม หลังจากนั้นการก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมการผลิต ส่งผลให้ระดับของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และยิ่งมีก๊าซเรือนกระจกอยู่ในบรรยากาศมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้ระดับความเลวร้ายของสภาวะอากาศสุดโต่งเพิ่มสูงมากขึ้นเท่านั้น

นักวิทยาศาสตร์ของโนอายังระบุด้วยว่า ระดับการปนเปื้อนก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 400 พีพีเอ็มนี้ ถูกตรวจสอบได้ครั้งแรกในชั้นบรรยากาศของสหรัฐอเมริกาโดยหอสังเกตการณ์ มอนา ลัว ในรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา เมื่อ 3 ปีก่อน การตรวจพบระดับการปนเปื้อนสูงในระดับเดียวกันนี้อีกครั้งที่ขั้วโลกใต้ แสดงให้เห็นว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณสูงในตอนแรกนั้นได้ไหลเวียนไปตามกระแสอากาศและแพร่จากชั้นบรรยากาศบริเวณซีกโลกตอนเหนือไปยังชั้นบรรยากาศของซีกโลกตอนใต้แล้ว

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าระดับคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 400 พีพีเอ็ม น่าจะแพร่กระจายและกลายเป็นสภาพปกติของบรรยากาศโลกนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แม้ว่าอาจจะมีการแกว่งตัวลดหรือเพิ่มขึ้นจากระดับดังกล่าวอยู่บางครั้งคราวตามการหมุนเวียนของกระแสอากาศในบรรยากาศ

ก่อนหน้านี้ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) เผยแพร่ข้อมูลที่ระบุว่าเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำสถิติกลายเป็นเดือนที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดของโลก นับตั้งแต่มีการบันทึกอุณหภูมิอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 1880 โดยมีอุณหภูมิสูงกว่าระดับอุณหภูมิเฉลี่ยระหว่างปี 1951-1980 อยู่ 0.93 องศาเซลเซียส

ระดับอุณหภูมิดังกล่าว จะส่งผลให้โลกร้อนขึ้นทำลายสถิติตลอด 13 เดือนต่อเนื่องกันมา อย่างไรก็ตาม โนอา ซึ่งใช้กระบวนการหาค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิแตกต่างออกไปเล็กน้อยและใช้ค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิในศตวรรษที่ 20 เป็นฐานในการเปรียบเทียบ ยังคงระบุว่าอุณหภูมิโลกในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมายังไม่ได้สูงเกินกว่าอุณหภูมิโลกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ยังคงทำสถิติเป็นเดือนที่โลกร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์อยู่ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ทั้งโนอาและนาซา เห็นตรงกันว่าไม่ว่าเดือนพฤษภาคมจะเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดหรือไม่

ปี 2016 หรือปี 2559 นี้มีโอกาสสูงถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ที่จะกลายเป็นปีที่โลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์แน่นอน แม้สภาวะเอลนิโญจะเบาบางลงแล้วก็ตาม

ผู้เชี่ยวชาญการเปลี่ยนแปลงภาวะอากาศโลก ชี้ว่าแม้เอลนิโญ จะมีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้นแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตัวการหลักที่ทำให้โลกร้อนขึ้นมากในระดับนี้คือก๊าซเรือนกระจกที่สะสมอยู่ในบรรยากาศนั่นเอง


ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ http://www.matichon.co.th