วันสุดท้ายของการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ COP 22 ที่โมร็อกโก หนึ่งในผลการประชุมที่สำคัญของการประชุมครั้งนี้คือ แถลงการณ์ของผู้นำที่เน้นย้ำการดำเนินงานด้านเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Marrakech Action Proclamation, for our climate and sustainable development ซึ่งเป็นประกาศข้อเรียกร้องที่สำคัญต่อการดำเนินงานการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ ขณะที่การประชุมรัฐภาคีหัวข้ออื่นๆ โดยเฉพาะข้อตกลงปารีส ยังอยู่ระหว่างการหารือเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน
แถลงการณ์ของผู้นำที่เน้นย้ำการดำเนินงานด้านเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่ตัวแทนประเทศโมร็อกโกอ่านในที่ประชุมใหญ่มีสาระสำคัญหลักๆ คือ ยอมรับถึงการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกที่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และต้องการการดำเนินการตอบสนองที่เร่งด่วน ยินดีกับการมีผลบังคับใช้ของข้อตกลงปารีส ด้วยเป้าหมายที่ท้าทายโดยคำนึงความเสมอภาค ความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่าง ขึ้นอยู่กับศักยภาพและสถานการณ์ของแต่ละประเทศ ร่วมขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและจริงจัง เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัว เพื่อเกิดประโยชน์และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในปี 2030
เรียกร้องให้มีการยอมรับร่วมกันทางการเมืองระดับสูงสุดที่จะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกโดยให้เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน
เรียกร้องให้สร้างความเข้มแข็งและสนับสนุนความพยายามในการขจัดความยากจน สร้างความมั่นคงทางอาหาร รวมทั้งยกระดับความสามารถในการรับมือต่อผลกระทบจาก ภาวะโลกของภาคเกษตร
เรียกร้องการเพิ่มขึ้นของเงินทุน และการเข้าถึงแหล่งทุนสำหรับโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาภาวะโลกร้อนของประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถและถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศพัฒนาแล้วสู่ประเทศกำลังพัฒนา
เรียกร้องให้เพิ่มการดำเนินงานรวมทั้งสนับสนุนด้านต่างๆ ก่อนปี 2020 โดยให้คำนึงถึงความจำเป็นและสถานการณ์ของประเทศกำลังพัฒนา
เรียกร้องให้องค์การพัฒนาเอกชนหรือ NGO ดำเนินงาน สนับสนุน และขับเคลื่อนแนวคิดและการดำเนินการใหม่ๆ ที่เริ่มต้นที่มาราเกช
ช่วงท้ายของแถลงการณ์เป็นการเรียกร้องความสามัคคี เพื่อสร้างความหวัง และโอกาสจากคนรุ่นปัจจุบันสู่คนรุ่นหลัง
ขณะที่การเจรจาของความตกลงปารีสประเทศต่างๆ พยายามหารือเพื่อให้ได้ข้อตกลงสำหรับกรอบการทำงานทั้งรายละเอียด รูปแบบ และแนวทางปฏิบัติในด้านการลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัว แนวทางการสนับสนุนด้านการเงิน เทคโนโลยี และการเสริมสร้างศักยภาพให้ประเทศกำลังพัฒนา โดยคาดว่าจะสำเร็จภายใน 2018 ซึ่งจะทำให้ข้อตกลงปารีสมีผลบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม ล่าสุดขณะมีประเทศให้สัตยาบันแล้ว 111 ประเทศจาก 197 ประเทศ
ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ http://m.krobkruakao.com