facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 1558

ความเลวร้ายของอากาศที่แปรปรวน กลับเป็นโอกาสในการพัฒนาเอเชีย

29 ส.ค. 60

ไต้หวันตั้งอยู่ในเขตเอเชียแปซิฟิก มีความเข้าใจต่อความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในภูมิภาคนี้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบที่ไต้หวันจะรุกไปสู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นนโยบายมุ่งใต้ใหม่ หรือนโยบายมุ่งตะวันตกใหม่ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราควรต้องทำความเข้าใจทั้งสิ้น

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา รายงานร่วมระหว่างธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียหรือ เอดีบี กับสถาบันวิจัยผลกระทบจากสภาพอากาศพ็อทซ์ดัม เยอรมนี ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของสภาพอากาศจะส่งผลให้เกิดคามหายนะอย่างใหญ่หลวงต่อภาคพื้นแอเชียแปซิฟิก ซึ่งไม่เพียงแต่อาจจะส่งผลกระทบต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และยังอาจส่งผลหักลบการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบันด้วย รวมทั้งลดคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ต่ำลง รายงานดังกล่าวยังระบุอีกด้วยว่า ยุทศาสตร์สำคัญในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอกาศของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่สำคัญก็คือ การจับมือกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนอย่างเหนียวแน่น ในการจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างรวดเร็ว ตลอดจนการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อปกป้องกลุ่มชนผู้อ่อนแอในสังคมด้วย นอกจากจะต้องพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมการลงทุนพลังงานสีเขียวและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะใช้ในระบบคมนาคมยุคใหม่ การชะลอการเปลี่ยนแปลงของอากาศอย่างเหมาะสมหรือให้ช้าลง จะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อการพัฒนาในระดับมหภาค

ศ. Hans Joachim Schellnhuber ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศพ็อทซ์ดัมแห่งเยอรมนี เปิดเผยว่า ประเทศในเอเชียเป็นผู้ยึดกุมอนาคตของทั่วทั้งโลก หากเลือกที่จะปกป้องให้ตนเองรอดพ้นจากอิทธิพลและวิกฤตที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอากาศ ก็จะสามารถปกป้องและกอบกู้โลกทั้งโลกนี้ได้ ประเทศในเอเชียจะต้องหายุทธศาสตร์ที่ถูกต้องเพื่อเป็นหลักประกันให้แก่ความเจริญรุ่งเรืองและความปลอดภัยจากภัยคุกคามที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ภายใต้โครงสร้างแห่งการพัฒนาไปอย่างแข็งแรงของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "การปฏิวัติอุตสาหกรรมสะอาด" จะเป็นโอกาสแห่งอนาคตของทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมทั้ง แสวงหายุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดที่สามารถลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ซึ่งจะทำให้เอเชียกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในกลไกพหุภาคีในศตวรรษที่ 21 นี้ด้วย

หากไม่ดำเนินยุทธศาสตร์ที่กระตือรือร้นแล้ว คาดว่าจนถึงสิ้นศตวรรษนี้ ภูมิภาคเอเชียจะมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นอีก 6 องศาเซลเซียส ประเทศบางส่วนก็อาจจะต้องเผชิญหน้ากับอากาศร้อนระอุ เช่น ทาจิสถาน อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และภาคตะวันตกของจีนแผ่นดินใหญ่ ที่อาจมีอุณหภูมิปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีกถึง 8 องศาเซลเซียส สำหรับความเสี่ยงด้านอากาศในเขตเอเชียแปซิฟิกในอนาคตจะประกอบไปด้วย

1.ความถี่ในการเกิดพายุไต้ฝุ่นและมรสุมจะเพิ่มสูงขึ้น ส่วนสภาพที่เลวร้ายที่สุดในภูมิภาคเหล่านี้จะมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มมากขึ้นอีกถึง 50% อย่างไรก็ดี ปากีสถานและอัฟกานิสถาน อาจจะมีปริมาณน้ำฝนลดลงประมาณ 20-50%

2.บริเวณชายฝั่งและเขตที่ราบลุ่มอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัยน้ำท่วมมากขึ้น อินโดนีเซียจะกลายเป็นประเทศเกาะชายฝั่งที่เกิดอุทกภัยน้ำท่วมรุนแรงที่สุด เมื่อถึงปี 2100 คาดว่าในแต่ละปีจะมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างน้อยปีละ 5.9 ล้านคน เช่น กวางโจว เซินเจิ้น เทียนสิน จ้านเจียง และเซี่ยเหมิน ในเมืองจีน บุมไบ เจนไน Madraspatnam Surat กัลกาต้า ในอินเดีย นครโฮจิมินห์ของเวียดนาม จากาตาร์ของอินโดนีเซีย กรุงเทพ และนาโกยา

3.ส่วนผลผลิตข้าวจะอยู่ในสภาพลดลงอย่างน้อย 50% การเพาะปลูกธัญญาหารจะมีความยากลำบากและต้นทุนพุ่งสูงขึ้น การไม่ดำเนินมาตรการปรับตัวให้เหมาะสม เมื่อถึงปี 2100 ผลผลิตข้าวนาปีอาจจะลดลงถึง 50% และเมื่อถึงปี 2050 แม้อุณหภูมิจะปรับตัวสูงขึ้น 2 องศา ซึ่งเป็นเป้าหมายของอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงอากาศโลกกรุงปารีส พืชผลเกษตรในอุซเบกิสถานเกือบทุกอย่างจะลดลง 20-50% นอกจากนี้ เมื่อถึงปี 2050 เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าธัญญาหารในเอเชียใต้จะเพิ่มขึ้นจากปีละ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สภาพการขาดแคลนธัญญาหารก็อาจจะทำให้เด็กๆ ในภูมิภาคนี้ต้องอยู่ในสภาพร่างกายขาดอาหารมากถึง 7 ล้านคน

4.ระบบนิเวศน์ในทะเลถูกทำลายและปะการังจะกลายเป็นสีขาว หากอุณหภูมิโลกปรับตัวสูงขึ้น 4 องศา โดยไม่มีการใช้มาตรการป้องกันใดๆ ปะการังในภูมิภาคนี้ก็จะตกอยู่ในสภาพถูกทำลายจากระบบนิเวศน์วิทยา กลายเป็นสีขาว แม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 องศาก็ตาม ก็คาดว่าจะมีปะการังที่ถูกทำลายกลายเป็นสีขาวถึง 89% ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อกิจการประมงและการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับปะการังในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างรุนแรง

5.ปัญหาสาธารณสุขและมลภาวะทางอากาศ จีนแผ่นดินใหญ่ อินเดีย ปากีสถาน และบังคลาเทศ จะเป็น 4 ประเทศที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหามลภาวะทางอากาศที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตรุนแรงที่สุด นอกจากนี้ จากสถิติขององค์การอนามัยโลก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาอากาศ จนถึงปี 2050 ผู้สูงวัยที่เสียชีวิตเพราะอากาศร้อน จะมีจำนวนมากถึง 52,000 ล้านคน ส่วนผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกที่ผ่านการติดต่อกจากยุงเป็นพาหะก็จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นด้วย

6.ความมั่นคงด้านพลังงาน การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจะส่งผลกระทบต่อแหล่งพลังงาน เนื่องจากเอเชียแปซิฟิกเป็นพื้นที่ที่ต้องพึ่งพาพลังงานจากน้ำมันดิบ และพลังงานความร้อน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เนื่องจากขาดแคลนน้ำมาผลิตกระแสไฟฟ้า และทำให้การสนองกระแสไฟฟ้าเป็นไปอย่างไม่มั่นคง ประเทศต่างๆ ก็จะแย่งแหล่งพลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งหรือปะทะกันเนื่องจากการแย่งแหล่งพลังงานนั่นเอง


ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://thai.rti.org.tw