facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 1544

ชม 2 ชุมชน บ้านขุนสมุทรจีน, บ้านป่าเด็ง ต่อสู้ภัยโลกร้อน บนหลักพึ่งตนเอง

16 ส.ค. 60

ช่วงวันที่ 10 - 11 ส.ค.ที่ผ่านมา องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. และชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม พาลงพื้นที่ที่มีการปรับตัวจากปัญหาสภาวะโลกร้อน โดยเดินทางไปยังวัดขุนสมุทรทราวาส หรือ วัดขุนสมุทรจีน ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ถ้ายังจำกันได้วัดแห่งนี้และพื้นที่ชุมชน ถูกน้ำทะเลรุกล้ำกินพื้นที่หายไปกว่า 4 กิโลเมตรในรอบ 50 ปี บางครอบครัวต้องทยอยย้ายออกนอกพื้นที่ เพราะไม่มีที่ทำมาหากิน แต่ยังมีอีกหลายครอบครัวที่ยังขอสู้ต่อเพื่อรักษาผืนแผ่นดินเกิดตามความสามารถ และกำลังทรัพย์ที่มี

ต่อมา ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ระดมทุนและความรู้ทางวิชาการเข้ามาช่วยเหลือ จนมีการติดตั้ง "เขื่อนสลายกำลังคลื่น" คิดค้นโดย อ.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะ มีลักษณะเสาคอนกรีตรูปทรงสามเหลี่ยม นำมาปักในทะเลแบบสลับฟันปลา บริเวณหน้าวัดขุนสมุทรจีน ระยะทาง 250 เมตร เมื่อ 10 ปีที่แล้ว พบว่าตลอดเวลาสามารถทำหน้าที่ช่วยชะลอความรุนแรงของคลื่น ไม่ให้พื้นที่วัดถูกกลืนกินไปมากกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้นภาวะโลกร้อนที่ทำให้น้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น บวกกับภัยจากธรรมชาติโจมตีชายฝั่งอยู่ต่อเนื่อง เมื่อการช่วยเหลือไม่ได้มีมาอยู่บ่อยครั้ง ชาวบ้านจึงต้องสู้ต่อไป

"วิษณุ เข่งสมุทร" วัย 35 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 แห่งบ้านขุนสมุทรจีน คนรุ่นใหม่ที่เข้ามาสานงานต่อจากคุณแม่ "สมร เข่งสมุทร" อดีตผู้ใหญ่บ้าน ผู้ที่เคยต่อสู้ปัญหามาตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม เล่าให้ฟังว่า "การต่อสู้ของเราเน้นแบบพึ่งพาตนเอง เรามีรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยว ในแบบเชิงอนุรักษ์ ซึ่งช่วงวันหยุดจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมากันมาก เงินที่ได้มาส่วนหนึ่งจะเอาไปเข้ากองทุนเพื่อแก้ไขปัญหา การป้องกันที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือ ปักไม้ไผ่สร้างเป็นแนวเขื่อน จะทำได้ในช่วงปลายปีซึ่งหมดมรสุม และการปลูกป่าชายเลน ซึ่งเรามีกิจกรรมนี้ให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมด้วย"

"การช่วยเหลือจากส่วนราชการ มาในรูปแบบของการเข้าพื้นที่เพื่อมาทำงานวิจัย มีเข้ามารวมแล้วกว่า 20 โครงการ แต่ไม่มีซักโครงการเลยที่จะมีการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ยกเว้นคณะของ อ.ธนวัฒน์ จากจุฬาฯ หากจะมีส่วนราชการใดอยากเข้ามาขอให้มาลงมือปฏิบัติเลย ซึ่งทางชาวบ้านยินดี" ผู้ใหญ่วิษณุ บอกทิ้งท้าย

ข้ามฟากมาที่ บ้านป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หลายเดือนก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ชื่นชมกลุ่มชาวบ้านเป็นตัวอย่างในการลดก๊าซเรือนกระจก จากการที่นำพลังงานทดแทนมาใช้ เมื่อลงพื้นที่ได้พบว่าที่แห่งนี้ได้ตั้งเป็นแหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงและพลังงานทางเลือก บริหารโดย "เครือข่ายรวมใจตามรอยพ่อ"" โดยพลังงานทางเลือกที่บ้านป่าเด็งแห่งนี้นำมาใช้นั้น คือ พลังงานแสงอาทิตย์ ผ่านระบบโซลาร์เซลล์ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ตามบ้าน เดิมหมู่บ้านนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้เพราะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน รวมถึงยังนำมูลสัตว์และขยะอินทรีย์มาทำก๊าซชีวภาพในการหุงต้ม หรือผลิตไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟ ทดแทนการใช้น้ำมัน

"โกศล แสงทอง" ประธานเครือข่ายรวมใจตามรอยพ่อ เล่าให้ฟังว่า "เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมได้เข้าไปที่กระทรวงพลังงาน ขอความรู้เกี่ยวกับการใช้พลังงานทดแทน จนได้วิธีการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์และก๊าซชีวภาพ มาใช้ในหมู่บ้าน จนตอนนี้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้ ทางเครือข่ายยังได้ส่งคนออกไปติดตั้งชุมชน และหน่วยงานต่างๆ ที่ว่าจ้างมาทั่วประเทศ ทั้งนี้ ทุกครั้งที่ไปเราจะบอกเสมอว่าเราไม่ได้ไปในนามที่เป็นผู้รับจ้าง แต่เราเป็นในนามพี่เลี้ยงในการติดตามผลงาน เพราะอยากให้ทุกคนสามารถดูแลต่อไปได้ด้วยตัวเอง และนำความรู้ไปขยายต่อคนในพื้นที่ได้"

"ผมอยากให้ทุกคนร่วมกันใส่ใจปัญหาวิกฤติเรื่องพลังงาน ทุกวันนี้เรานำไฟฟ้าเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าถึงวันที่เขาปิดซ่อมบำรุง แต่ถ้าการใช้งานของเรายังคงมีมากอยู่ก็จะเกิดผลกระทบ เราต้องช่วยกันประหยัดพลังงาน งดใช้ในส่วนที่ไม่จำเป็น หรือถ้าใครมีกำลังทรัพย์พอก็เลือกที่จะมาใช้พลังงานทดแทน สามารถติดต่อขอความรู้ที่ได้แฟนเพจเฟซบุ๊ก เครือข่ายรวมใจตามรอยพ่อ หรือหมายเลข 0852719262 แต่ควรประเมินความต้องการของตัวเองให้อยู่ในระดับความพอดีในการใช้งาน นั่นจะช่วยทำให้ประหยัดเรื่องพลังงานได้ตรงตามเป้าหมาย" ประธานเครือข่ายรวมใจตามรอยพ่อ กล่าวย้ำ


ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://www.thairath.co.th