วันที่ 30 กันยายน 2568 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย จัดการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ครั้งที่ 4 หรือ Thailand Climate Action Conference: TCAC 2025 ภายใต้แนวคิด “จุดประกายความคิด ร่วมพลิกวิกฤตโลกเดือด–Inspiring Climate Solutions for All” ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 29 – 30 กันยายน 2568 โดยมีผู้เข้าร่วมจากภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน เยาวชน และองค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้ง องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO โดย นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เข้าร่วมประชุมพร้อมร่วมกิจกรรมและชมนิทรรศการ รวมมากกว่า 11,000 คน
ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวปิดการประชุมว่า TCAC 2025 เป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มีคุณค่า เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบาย พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความสำเร็จร่วมกับประชาคมโลก ซึ่งมีประเด็นที่สำคัญจากเวที TCAC 2025 มีดังนี้
- การปาฐกถาเปิดประชุมโดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้คำมั่นผลักดันเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593 เทียบเท่าระดับสากล พร้อมเร่งผลักดัน ร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว รวมถึงผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางคาร์บอนเครดิตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมในระดับภูมิภาค
- เวที From Vision to Action โดย เยาวชน นางสาวไทย ภาคเอกชน และภาคประชาชน ได้ส่งสารสำคัญว่า “ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างจริงจังและเข้มแข็งเท่านั้น คือ กุญแจสำคัญในการปกป้องโลกให้ลูกหลาน”
- Climate Literacy ชี้ว่า “ความรู้ ทักษะ การลงมือทำ” คือ สมการที่นำไปสู่การอยู่รอดท่ามกลางวิกฤตโลกร้อน
- Climate Risk Management เน้นยุทธศาสตร์จัดการความเสี่ยงระดับเมือง และพัฒนากลไกความร่วมมือของประชาชน ควบคู่กับ เทคโนโลยีและข้อมูลเตือนภัยที่รวดเร็วและแม่นยำ
- พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สร้างสมดุลระหว่างการบังคับใช้กฎหมายและการสนับสนุนให้ดำเนินการได้จริงในสังคม พร้อมการสื่อสารที่เข้าใจง่าย นำไปสู่ความร่วมมืออย่างเป็นระบบ
- Slow on-set event มุ่งแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ด้วยการประยุกต์องค์ความรู้ เทคโนโลยี ร่วมกับการใช้แนวทางแก้ไขปัญหาด้วยธรรมชาติ หรือ Nature Based Solutions สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชน
- COP 30 เพิ่มความเข้าใจบทบาทนักเจรจาและกลไกภายใต้อนุสัญญาฯ เพื่อความร่วมมือบนหลัก “3P: Public–Private–People” (รัฐ-เอกชน-ประชาชน) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เศรษฐกิจ–สังคม–เทคโนโลยี แนวทางการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจที่ยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้แนวคิด Technology Transition และ Climate Resilience Solutions
- Climate Finance สร้างโอกาสความร่วมมือทางความคิดสู่การปฏิบัติด้านการเงิน ผ่านสถาบันการเงิน ตลาดทุน ภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน และในครั้งนี้ กรมฯ ได้ส่งเสริมให้ภาคเอกชนสนับสนุนเงินทุน สู่ 12 โครงการของภาคประชาชน เพื่อการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมพร้อมขยายผลต่อเนื่อง
- เวที Youth Message from Local to Global ส่งเสริม “Meaningful Youth Participation” ให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการออกแบบ ร่วมตัดสินใจ ร่วมรับผิดชอบ ไม่ใช่ในฐานะ “ผู้รับ” แต่เป็น “พาร์ทเนอร์” เพื่อขยายผลไปสู่ความยุติธรรมและความเสมอภาคระหว่างรุ่น
ดร.พิรุณ กล่าวย้ำว่า ผลลัพธ์จาก TCAC 2025 จะไม่จบเพียงเวทีประชุม แต่จะถูกต่อยอดเป็นนโยบาย การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ และสื่อสารสะท้อนสู่ประชาคมโลกในการประชุม COP 30 ณ สหพันธรัฐบราซิล ในเดือนพฤศจิกายนนี้ พร้อมขอบคุณความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและหวังให้พลังความร่วมมือนี้ เป็นแรงบันดาลใจสู่การลงมือทำ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม “Climate Action is People Action”
ทั้งนี้ การจัดงาน TCAC 2025 เป็นการจัดงานแบบปลอดคาร์บอน หรือ Carbon Neutral Event โดยใช้คาร์บอนเครดิตจากโครงการ T-VER มาชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกิจกรรมทั้งหมดภายในงาน ทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากงานสุทธิเท่ากับศูนย์ ถือเป็นตัวอย่างการจัดงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง