รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ ในฐานะโฆษกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การประชุม TCAC 2023 ครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากทุกภาคส่วน ประกอบด้วยผู้เข้าร่วมประชุมระดับคณะรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง คณะทูตานุทูต ผู้ว่าราชการ ผู้บริหารภาครัฐ ผู้บริหารภาคเอกชน สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน และบุคคลผู้สนใจ เข้าร่วมทั้ง 2 วัน กว่า 3,700 คน จาก 48 ประเทศ เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและมีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน ตอบสนองต่อนโยบายของประเทศ
การประชุม TCAC 2023 จึงได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลในเรื่องการเดินทางมาร่วมงานของแขกผู้มีเกียรติและวิทยากร นำมาประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากกิจกรรมการจัดงานประกอบด้วย การใช้พลังงานไฟฟ้าในการจัดประชุม, ปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจากการจัดงาน และการจัดเลี้ยงอาหารว่างและเครื่องดื่ม พบว่า มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 3,200 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และได้มีการนำคาร์บอนเครดิตจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย หรือ T-VER ประเภทการผลิตพลังงานทดแทนจากเชื้อเพลิงชีวมวล มาชดเชยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Carbon Neutral Event ผลสำเร็จจากการจัดประชุม TCAC 2023 ครั้งนี้ ได้แสดงถึงพลังความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนในประเทศไทยทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน ที่จะนำพาประเทศให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ในการประชุมครั้งนี้วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐ ภาคเอกชน เยาวชน และภาคประชาสังคม ร่วมนำเสนอเผยแพร่การดำเนินงานอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศไทยสู่สังคมเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ดังนี้
ภาครัฐ : เส้นทาง TCAC 2023 เส้นทางสู่ปี 2023 และเป้าหมายระดับโลก
ขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศ สู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2065 ทั้งพลังงานและขนส่ง อุตสาหกรรม เกษตร ของเสีย และป่าไม้ พร้อมเสริมภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งพลักดัน ร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เผยเส้นทางพลังงานสู่ 2030 กับทิศทางแผนพลังงานแห่งชาติ การขับเคลื่อนนโยบายด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน พัฒนาพลังงานทดแทน (Renewable Energy) การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน กรอบพลังงานแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายมุ่งสู่พลังงานสะอาด และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality)
พัฒนาระบบขนส่งสู่เป้าหมายการขนส่งที่ยังยืน ประกอบด้วย การขนส่งที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การเข้าถึงระบบขนส่งอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม และการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ แผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564-2573 สาขาคมนาคมขนส่ง
ขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกภาคอุตสาหกรรม แผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564-2573 สาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ (IPPU) รวมถึงน้ำเสียอุตสาหกรรม การยกระดับการลดก๊าซเรือนกระจกภาคอุตสาหกรรม การเพิ่มมูลค่ากากของเสียอุตสาหกรรมให้เป็นวัตถุดิบ หรือ ผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อการสิ้นสุดการเป็นของเสีย (End of Waste) ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรมสีเขียว เน้นการพัฒนาที่สมดุลทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
การบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะของประเทศ ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๖๕-๒๕๗๐)
ภาคเอกชน : ธุรกิจไทยร่วมขับเคลื่อนสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ประกอบด้วย
นอกจากนี้ยังมีภาคประชาชนและเยาวชน เป็นอีกเสียงสะท้อนเพื่ออนาคตไทย (Climate Action We Want) โดย ผู้แทนเยาวชน Net-Zero Thailand: ACE Youth Ideathon Camp ผู้แทนเยาวชนไทยที่เข้าร่วมการประชุม COP27 ผู้แทนเครือข่ายเยาวชนระดับโลกเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพประจำประเทศไทย (Global Youth Biodiversity Network: GYBN Thailand) เครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) จังหวัดระนอง และสมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
การประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ครั้งที่ 2 หรือ Thailand Climate Action Conference: TCAC 2023 ได้มีการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณองค์กรผู้มีส่วนร่วมเป็นผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (Climate Action Leading Organization) จำนวน 15 องค์กร นอกกจากนี้ยังมีการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้เยาวชนและประชาสังคม จำนวน 5 องค์กร
บริษัทที่ได้รับโล่ผู้นำองค์กรด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (Climate Action Leading Organization) มีดังนี้
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเผยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศขั้นต่อไป ดังนี้
และที่สำคัญช่วยกันสื่อสาร สร้างความตระหนักและจิตสำนึกให้แก่ประชาชน เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการลดก๊าซเรือนกระจกในชีวิตประจำวัน และสามารถปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน จะช่วยทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ได้เร็วกว่าที่ประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมย์ไว้
ผลจากการประชุมครั้งนี้ จะนำไปรายงานในช่วงสมัยประชุมสมัชชารัฐภาคีกรอบอนุสัญญาฯ สมัยที่ 28 (COP28) ซึ่งมีกำหนดจัดในระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน - 12 ธันวาคม 2566 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะผลักดันประเด็นการเปลี่ยนผ่าน
ในส่วนของคาร์บอนเครดิตกับการชดเชยคาร์บอนจากการจัดประชุม TCAC 2023 ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลในเรื่องการเดินทางมาร่วมงาน การใช้พลังงานในการจัดประชุม ปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจากการจัดงาน และการจัดเลี้ยง นำมาประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการจัดงานเพื่อนำมาชดเชยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Carbon Neutral Event
นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เผยว่า การประชุม TCAC 2023 ได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลในเรื่องการเดินทางมาร่วมงานของแขกผู้มีเกียรติและวิทยากร การใช้พลังงานไฟฟ้าในการจัดประชุม ปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจากการจัดงาน การจัดเลี้ยงอาหารว่างและเครื่องดื่ม และนำมาประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการจัดงานแบบอนุมาน พบว่า มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 3,200 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
"ในงาน TCAC 2023 นี้ เราได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัท มิตรผล เอาคาร์บอนเครดิตที่ได้จากการเอาชานอ้อยนำไปผลิตพลังงานไฟฟ้าและนำมา offset กับการปลดปล่อยคาร์บอนของงานนี้ ทำให้งานนี้มีการปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์" นายเกียรติชาย กล่าว
ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ทิ้งท้ายว่า การทำดี ทำเพื่อโลก ควรต้องทำทุกวัน เพราะในขณะเดียวกัน เราก็มีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกทำให้โลกร้อนขึ้นอยู่ทุกวันเช่นกัน
คาร์บอนเครดิตจากโครงการ T-VER มีระบบการตรวจวัด รายงาน และทวนสอบ ที่เป็นมาตรฐาน ผลการลดก๊าซเรือนกระจกมีความน่าเชื่อถือ ผ่านระเบียบวิธีการและการกำกับดูแลที่โปร่งใสและเข้มงวด