facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]
  • [image_name]

ทส. โดย TGO และ CAA เปิดเวที Climate Action Leaders Forum รุ่นแรก ดึงผู้นำภาครัฐ ธุรกิจเอกชน นักวิชาการ สื่อมวลชน ร่วมคิดสู่เป้าหมาย Net-zero

04 ธ.ค. 64

            วันที่ 3 ธันวาคม 2564 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานเปิด “โครงการ Climate Action Leaders Forum (รุ่นที่ 1)” ซึ่งจัดโดย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO และสถาบันวิทยาการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (CAA) โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) ร่วมด้วย นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก Ms.Gita Sabharwal, UNRC และ Mr.Renaud  Meyer , UNDP ตลอดจนผู้นำองค์กร ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ องค์กรระหว่างประเทศ สื่อมวลชน ตลอดจนองค์กรอิสระ จำนวน 49 คน เข้าร่วมงาน ณ ห้อง META สโมสรราชพฤกษ์ โครงการ North Park กรุงเทพฯ

           นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. กล่าวว่า นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ถูกต้องนั้น จะต้องเป็นนโยบายที่ซึมแทรกอยู่ในทุกมิติของการพัฒนาประเทศ เพราะทุกกิจกรรมที่เราทำล้วนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งรัฐบาลไทยมีแนวทางในการแก้ไขปัญหา ทั้งการกำหนดนโยบาย ตลอดจนการออกกฎหมาย การส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน การยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรมและการจัดสรรทรัพยากรทางการเงินสำหรับการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลักดันการลงทุน กระตุ้นการเติบโตของตลาด การสร้างงาน และการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยได้มอบหมายให้ TGO เป็นหน่วยงานที่ให้บริการ รับรองปริมาณคาร์บอนเครดิต หรือก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ ในรูปแบบต่างๆ ทั้งจากโครงการด้านพลังงาน ขนส่ง อุตสาหกรรม การจัดการของเสีย การเกษตร และป่าไม้ ซึ่งสามารถนำไปสู่การชดเชยคาร์บอนเครดิต ตลอดจน ซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตได้ต่อไป เป็นการเปลี่ยนผ่านจาก Black Gold ไปสู่ Green Gold

           อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญ คือ ต้องให้ความรู้กับพี่น้องประชาชนซึ่งจะช่วยให้เกิดการรักษาป่าไม้ขึ้นได้ เนื่องจากจะเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับพวกเขา สอดคล้องกับ 3 ปัจจัยหลักในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ได้แก่  1) ปัจจัยทางการเงิน อาทิ  ทำแล้วจะโดนปรับ ทำแล้วจะได้เงิน  2) การออกกฎหมายและมาตรการลงโทษ และ 3) ความตาย ที่ถ้าไม่ทำแล้วจะถึงแก่ชีวิต ซึ่งปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้ทำให้เสียชีวิตในทันทีแต่กว่าจะรู้ตัวก็อาจเกินเยียวยาแล้ว ทั้งนี้ หากประชาชนสามารถตระหนักในประเด็นนี้ได้ พื้นที่สีเขียวในประเทศไทยก็จะเพิ่มขึ้น และบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ได้ตั้งเป้าการมีพื้นที่สีเขียว ให้ได้ 55% โดยในจำนวนนี้ ต้องเป็นป่า 40%

            รมว.ทส. ยังได้ย้ำว่า มนุษย์ต้องปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ ไม่ใช่ให้ธรรมชาติปรับตัวเข้าหาเรา โดยคาดหวังให้ Climate Action Leaders Forum เกิดการขยายผลไปยังเครือข่าย ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งดี ๆ ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ โดยจำเป็นต้องบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ส่วนวิชาการ องค์กรอิสระ ตลอดจนสื่อสารมวลชน และภาคประชาสังคมในการร่วมกันขับเคลื่อน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และก่อให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่การบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net-Zero Emissions

           ในโอกาสนี้ ยังได้รับเกียรติจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ที่ได้ให้มุมมองต่อการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยขอให้เดินตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 น้อมนำตัวอย่างและแนวทางตามแนวพระราชดำรัสมาปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อความอยู่รอดและความยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่งขอให้ยึดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ที่เป็นเสมือน New Normal ในระดับความคิด มีการประมาณตน อย่าทำอะไรเกินตัว เนื่องจากต้นทุนดินน้ำลมไฟของแต่ละประเทศแตกต่างกัน ดังนั้น จึงต้องปรับพฤติกรรมให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เรามีอยู่ และใช้ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าสูงสุด ทั้งนี้ ต้องเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ซึ่งเมื่อเข้าใจว่าภัยอันตรายอยู่ตรงไหน เข้าใจว่าสิ่งที่ควรทำคืออะไรแล้ว เราต้องเข้าถึงการกระทำด้วย เพื่อนำไปสู่การพัฒนาและพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน ไม่ใช่พัฒนาเพื่อความร่ำรวยมั่งคั่ง โดยคาดหวังว่าการระดมความคิดจาก CAL Forum ในครั้งนี้ ทุกคนจะร่วมกันสืบสานและดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกันเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน และความอยู่รอดของคนในยุคเรา และโดยเฉพาะกับคนยุคหน้าต่อไปอย่างไม่รู้จบ ตลอดจนขอให้ทุกคนมีกำลังใจในการทำงาน มีความรับผิดชอบต่อชีวิตตัวเอง ชีวิตคนรุ่นหน้า และ รับผิดชอบต่อแผ่นดิน

           ทั้งนี้ โครงการ Climate Action Leaders Forum จัดขึ้น ในบรรยากาศของการแลกเปลี่ยนความคิดและมุมมองที่หลากหลายจากประสบการณ์ของผู้นำวงการต่าง ๆ เสมือนการย่อ World Economic Forum ลงมาสู่เรื่อง Climate Action  ต่อสู้กับ Climate Crisis  เพื่อให้ได้ข้อเสนอและข้อตกลงร่วมกัน ในการนำพาประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 ด้วยความเชื่อที่ว่า “ผู้นำ” คือ ผู้ที่มีความสำคัญสูงสุด ในการกำหนดทิศทาง และนโยบายขององค์กร ในประเด็นการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการองค์กร ลดความเสี่ยงจากภัยอันเนื่องมาจาก Climate Change หรือ Climate Action ให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมได้  โดยจัดในรูปแบบ Series of Conferences สร้างเวทีการมีส่วนร่วมระดับผู้นำ จำนวน 5 ครั้ง ในช่วงบ่ายตั้งแต่ 15.00 น. ของวันศุกร์ ยกเว้นวันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม และจะสิ้นสุด ในวันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2565 ซึ่งในครั้งที่ 5 จะเป็นการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงผลลัพธ์ที่ได้จากการหารือ