อาร์ล่าฟู้ดส์ บริษัทนมใหญ่ที่สุดของโลก ที่มีเจ้าของเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ในเดนมาร์ก, สวีเดน, เยอรมนี และอังกฤษ จำนวน 10,300 ราย วางแผนเตรียมลดการปล่อยคาร์บอนลง 30% ในทศวรรษหน้า เพื่อตอบสนองผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับผู้บริโภค
อาร์ล่าฟู้ดส์ บริษัทนมใหญ่ที่สุดของโลก ที่มีเจ้าของเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ในเดนมาร์ก, สวีเดน, เยอรมนี และอังกฤษ จำนวน 10,300 ราย วางแผนเตรียมลดการปล่อยคาร์บอนลง 30% ในทศวรรษหน้า เพื่อตอบสนองผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากขึ้นสำหรับผู้บริโภค
ด้วยรายงานจากองค์การสหประชาชาติระบุ การทำฟาร์มปศุสัตว์เพียงอย่างเดียวมีส่วนทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก อันก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนมากถึง 18%
ขณะที่นมอาร์ล่า 1 ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 1.15 กิโลกรัม บริษัทมีเป้าหมายที่จะลดลง 30% ในปี 2573 และเป็น 0 ภายในปี 2593
อาร์ล่าวางแผนเตรียมเปลี่ยนไปใช้การบริหารจัดการที่ยั่งยืนมากขึ้น เช่น พลังงานหมุนเวียน บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน และลดการผลิตของเสีย ในขณะเดียวกันให้เกษตรกรปลูกต้นไม้และพุ่มไม้ได้มากขึ้น เพื่อช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์
ระบบการย่อยอาหารของวัวปล่อยก๊าซมีเทน บริษัทเตรียมหาวัตถุดิบเพื่อลดปริมาณอาหาร ลดการย่อยในกระเพาะวัว สร้างความยั่งยืนให้เกษตรกรและสิ่งแวดล้อม
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาร์ล่าฟู้ดส์ เชื่อว่าวิธีการนี้จะทำให้มีผู้บริโภคมากขึ้น เพราะผู้บริโภคยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยให้เกษตรกร เพื่อการเลี้ยงโคนมที่ยั่งยืน เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในนมอินทรีย์
องค์การสหประชาชาติ ยังได้ระบุอีกว่า ในอนาคตผู้คนจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการใช้พลังงานในการกิน เดินทาง และการใช้ชีวิตประจำวัน ไปในแนวทางเลือกซื้อสินค้าที่ปลดปล่อยคาร์บอนต่ำ
ความเป็นไปของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงจะมีผลกระทบต่อเกษตรกรไทยหรือไม่ เพราะมาตรการแบบนี้อาจจะถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างกีดกันทางการค้าได้...ภาคเกษตรไทยได้คิดเตรียมการรับมือกับปัญหานี้แค่ไหน.
ขอขอบคุณ ที่มาของข่าว: สำนักข่าวไทยรัฐ