facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 2115

น้ำตาลมิตรผล ต่อยอดแนวคิด Zero-Waste ชูการตลาดมิติใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

21 ก.ค. 62

เป็นการตอกย้ำถึงความตระหนักปัญหาภาวะโลกร้อนอันมีสาเหตุจากปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มสูงขึ้น มิตรผลจึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการตามแนวทางความยั่งยืนแบบครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการผลิตสู่การสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค โดยมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ

ในฐานะของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลอันดับหนึ่งของไทย ทุกผลิตภัณฑ์และการบริการที่นำเสนอต้องสร้างสรรค์เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม

หนึ่งในแนวทางด้านความยั่งยืนที่มิตรผลมีความเชี่ยวชาญและดำเนินงานมายาวนาน คือ การบริหารจัดการกระบวนการผลิตด้วยแนวคิด “Zero-Waste” ด้วยการเปลี่ยนของเหลือจากกระบวนการผลิตให้มีคุณค่าสูงสุด พร้อมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อม

จะเห็นว่าในปีนี้ มิตรผลสร้างมิติใหม่ในวงการน้ำตาลของไทยด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำตาลในบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติเป็นครั้งแรก ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้ที่ต้องการบรรจุภัณฑ์ที่มีความสวยงาม คงทน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกแก่สังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะถุงกระดาษรักษ์ โลกของน้ำตาลมิตรผล ไม่ต้องพึ่งพาโรงงานย่อยสลายอุตสาหกรรมและไม่ทิ้งสารพิษตกค้างไว้ในสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเมื่อย่อยสลายแล้วจะกลายเป็นปุ๋ยหมักที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป

นอกจากนี้ หากใครไปเดินเยี่ยมชมมหกรรม THAIFEX - World of Food Asia 2019 ที่ผ่านมา ก็จะพบกับบูธน้ำตาลมิตรผลในรูปแบบที่โดดเด่น ซึ่งได้นำแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนมาเป็นคอนเซปต์เพื่อรังสรรค์บูธนิทรรศการขึ้นภายใต้แนวคิด “Caring for Community”

น้ำตาลมิตรผลได้ถ่ายทอดเรื่องราวความมุ่งมั่นในการยกระดับชุมชน ควบคู่กับความตั้งใจดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายในบูธขนาด 126 ตรม. มีการนำแกนกระดาษรียูสมาใช้เป็นวัสดุหลักในการตกแต่ง รวมถึงมีการเลือกสรรอุปกรณ์ที่ใช้ในบูธ ทั้งแก้ว จาน และหลอด ที่ล้วนทำมาจากกระดาษ เพื่อสร้างความตระหนักและเชิญชวนให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน ตลอดจนการเลือกที่จะประดับตกแต่งบูธด้วยผ้าขาวม้าจากชุมชน แสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับชุมชนที่จะร่วมพัฒนาและเติบโตด้วยกันอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ภายในบูธยังมีกิจกรรมที่เปิดให้ทุกคนได้ลิ้มลองถั่วตัดน้ำอ้อยชื่อดังสูตรดั้งเดิมจากหมู่บ้านถั่ว จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการยกระดับการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน และวัสดุตกแต่งทั้งหมดภายในบูธ ยัง สามารถนำมาต่อยอดคุณค่าด้วยการรีไซเคิลหรือรียูสใช้ในงานอื่นต่อไปได้อีกในอนาคต ไม่สร้างของเหลือทิ้งเพิ่มให้กับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสะท้อนถึงจุดเด่นของมิตรผลเองที่ไม่เพียงแต่จะมีกระบวนการผลิตแบบ Zero Waste เท่านั้น แต่กิจกรรมทางการตลาดในปัจจุบัน ก็ยังถูกปรับเปลี่ยนให้มีแนวคิดแบบเดียวกัน ซึ่งเป็นมิติใหม่ของการจัดกิจกรรมที่จะช่วยลดปริมาณขยะได้

วีระเจตน์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจน้ำตาลประเทศไทย พลังงาน และธุรกิจใหม่ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 63 ปี ที่กลุ่มมิตรผลดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลเคียงคู่สังคมไทย ด้วยแนวคิด ‘สร้างคุณค่า สร้างอนาคต’ เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชน ซึ่งจะนำไปสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง เราจึงมุ่งจัดการในทุกกระบวนการผลิตด้วยความใส่ใจต่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ไม่สร้างของเหลือทิ้ง แต่เปลี่ยนเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และพัฒนาต่อยอดเพื่อความมั่นคงและยั่งยืนของสังคมและสิ่งแวดล้อม การทำการตลาดบนแนวคิดใหม่ที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรม โดยมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจน การนำเสนอบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เป็นหนึ่งในความตั้งใจของกลุ่มมิตรผลในการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals) ข้อที่ 12 ที่ว่าด้วยการสร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการบริโภค และผลิตที่ยั่งยืน สะท้อนถึงความตั้งใจของกลุ่มมิตรผลที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในวงกว้าง”

กระแสความตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรโลก กระตุ้นให้แนวคิดการบริโภคสินค้าของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป ผู้ประกอบการเองจึงต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อสอดรับเทรนด์ผู้บริโภคมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กระแสรักษ์โลกไม่ใช่แค่เทรนด์ระยะสั้น แต่เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการที่จะต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตและการดำเนินธุรกิจในระยะยาวโดยคำนึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาก่อนเป็นอันดับแรก และผู้บริโภคที่เลือกสินค้าโดยพิจารณาจากความตั้งใจของผลิตภัณฑ์ในการดูแลสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ก็เพื่อทุกฝ่ายจะได้มีส่วนร่วมในการดูแลและสร้างประโยชน์ให้โลกใบนี้ไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

ที่มาของข่าว: www.mgronline.com