facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 562

บรรดาผู้นำกลุ่มจี7ประกาศชักธงรบ'ภาวะโลกร้อน'

09 มิ.ย. 58

บรรดาผู้นำของกลุ่ม 7 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (จี7) ออกแถลงการณ์ปิดประชุมในวันจันทร์ (8 มิ.ย.) ภายหลังหารือเป็นเวลา 2 วันที่รีสอร์ตแถบภูเขาแอลป์บาวาเรีย ทางภาคใต้ของเยอรมนี โดยประกาศตั้งเป้ายุติการใช้เชื้อเพลิงคาร์บอนเพื่อทำสงครามกับภาวะโลกร้อน, เตือนรัสเซียจะถูกแซงก์ชันเพิ่ม หากยังไม่ยุติ “ความก้าวร้าวในยูเครน”, พร้อมกดดันกรีซให้ยอมรับมาตรการปฏิรูปอันยากลำบาก, ขณะเดียวกันก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านอธิปไตยในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก

“เรา ...ยืนหยัดเตรียมพร้อมที่จะใช้มาตรการเพื่อสร้างผลในทางจำกัดเข้มงวด ให้มากขึ้นกว่านี้อีก เพื่อเพิ่มต้นทุนค่าใช้จ่ายของรัสเซีย ถ้าหากการกระทำของรัสเซียทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มมาตรการดังกล่าว” แถลงการณ์ร่วมปิดประชุมของเหล่าผู้นำจี7 ซึ่งประกอบไปด้วย สหรัฐฯ, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, อิตาลี, ญี่ปุ่น, และแคนาดา พูดถึงการเพิ่มมาตรการแซงก์ชั่นลงโทษแดนหมีขาว ที่พวกเขาระบุว่าเข้าไปแทรกแซงรุกรานในยูเครน

“เราขอพูดเตือนความจำว่า ระยะเวลาในการแซงก์ชั่นลงโทษนั้นควรต้องมีการผูกโยงไว้อย่างชัดเจนกับการที่รัสเซียจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อตกลงกรุงมินสก์ รวมทั้งแสดงความเคารพในอธิปไตยของยูเครนอย่างครบถ้วน” แถลงการณ์ของผู้นำ จี7 ย้ำสำทับ โดยที่ข้อตกลงกรุงมินสก์ เป็นข้อตกลงสันติภาพที่รัสเซียกับยูเครนกระทำกันในเมืองหลวงของเบลารุส

ถ้อยคำที่แข็งกร้าวจากบรรดาชาติมหาอำนาจของโลกตะวันตกเหล่านี้ ปรากฏออกมาในขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมยูเครนกล่าวหาว่า พวกกบฎนิยมรัสเซียในยูเครนตะวันออกซึ่งได้รับการหนุนหลังจากกองทัพรัสเซียนั้น เวลานี้มีกองทัพที่มีกำลังพลถึง 40,000 คนอยู่ตรงชายแดนติดต่อกับยูเครน มากพอๆ กับ “รัฐยุโรปขนาดกลางๆ ทีเดียว”

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมซัมมิต จี7 คราวนี้ไม่ได้มีการออกมาตรการลงโทษคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม รวมทั้งแถลงการณ์ร่วมบอกว่า จะมีการยุติยกเลิกมาตรการแซงก์ชั่นที่ใช้อยู่ หากแดนหมีขาวทำตามคำมั่นสัญญาของตน

เกี่ยวกับประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บรรดาผู้นำจี7 ระบุในแถลงการณ์ร่วมให้คำมั่นในการพัฒนายุทธศาสตร์ลดการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนในระยะยาว และภายในสิ้นศตวรรษนี้จะเลิกการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งหมายถึงถ่านหิน, น้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ โดยหันไปพัฒนาและใช้เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงยกเครื่องภาคพลังงานอย่างขนานใหญ่ภายในปี 2050

จี7 ยังเรียกร้องว่า ภายในกลางศตวรรษนี้ ทั่วโลกควรลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ในระดับ “บนสุด” ของช่วง 40-70% จากระดับที่เคยปล่อยอยู่เมื่อปี 2010 รวมทั้งย้ำเป้าหมายเดิมในการจำกัดการเพิ่มอุณหภูมิโลกให้อยู่ที่ 2 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ตามที่ตกลงกันในการประชุมสภาพภูมิอากาศโลกของสหประชาชาติ ปี 2009 ที่กรุงโคเปนเฮเกน

นอกจากนี้ จี7 ยังประกาศความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการระดมทุนจากภาครัฐและเอกชนสำหรับกองทุนลดภาวะโลกร้อนของประเทศยากจน 100,000 ล้านดอลลาร์ที่ตั้งเป้าไว้นับจากปี 2020 รวมทั้งเร่งรัดให้แอฟริกาสามารถเข้าถึงพลังงานหมุนเวียน


ที่มาของข่าวและรูปภาพประกอบ:: http://www.manager.co.th