อีกแนวคิดในการปลูกต้นไม้ของสถาปนิกชาวฝรั่งเศสที่รักประเทศไทย
ขณะที่คนจำนวนหนึ่งพยายามสร้างปัญหาให้โลกร้อนขึ้นเรื่อยๆ คนอีกส่วนเห็นปัญหา จึงพยายามช่วยลดดีกรีความร้อนให้โลก
แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะช่วยกันลดโลกร้อน แต่บางคนก็คิดว่า ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เหมือนเช่น กูสตัน โบดิน ภูมิสถาปนิกที่ทำงานในเมืองไทยหลายปี เขาตั้งกลุ่มเล็กๆ Hyper Tree ที่เห็นความสำคัญของต้นไม้ในเมืองใหญ่
โดยกิจกรรมครั้งแรก กูสตัน เล่าถึงบ้านต้นไม้ หรือเมืองที่โอบล้อมด้วยต้นไม้ให้ผู้สนใจฟัง ส่วนอีกกิจกรรมพาไปโดยเก็บกล้าไม้ที่ขึ้นเองตามซอกหินและซอกดิน ซึ่งเป็นพรรณไม้ใหญ่พวก โพธิ์ ไทร ยางอินเดีย ฯลฯ แล้วจะนำกลับไปปลูกต้นไม้ตามสถานที่รกร้าง โดยต้นไม้เหลานี้ไม่จำเป็นต้องปลูกในดินตามซอกหินก็ได้ เพราะเขาเองก็ศึกษาเรื่องต้นไม้มาเยอะ
และที่มากกว่านั้นคือ เขากำลังศึกษาทดลองเรื่อง Hyper Tree สิ่งก่อสร้างบ้าน คอนโด ที่ทำเป็นต้นไม้เหมือนหลายประเทศที่เขานำมาโชว์ อย่างสะพานต้นไม้ที่อินเดีย
“ผมสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องโลกร้อน อีกไม่กี่ปี ความร้อนแบบนี้จะทำให้เราอยู่ไม่ได้” กูสตัน เล่า
“ผมเป็นคนที่สนใจต้นไม้มาก ต้นไม้ช่วยควบคุมอากาศในโลก ถ้าไม่มีต้นไม้ความร้อนก็สูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างกรุงเทพร้อนกว่าที่อุบลประมาณ 5 องศา เพราะพื้นที่เหล่านั้นดูดความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้เมืองร้อนขึ้น
1.
นอกจากเรื่องที่เล่าให้ฟังว่า เขาเตรียมปลูกกล้าไม้ใหญ่ตามตึกร้าง เพื่อสร้างป่าสีเขียวในเมือง และเป็นงานทดลองที่เขาบอกว่า ต้นไม้บางต้น โพธิ์ ไทร ยางอินเดีย ฯลฯ ถ้าเราปลูกชิดกัน รากมันก็เกี่ยวกันเป็นเนื้อเดียว
"สองสามปีที่แล้ว ผมเป็นคนที่สนใจต้นไม้ ก็คิดว่าจะใช้ต้นไม้ยังไง เพราะในกรุงเทพฯ พื้นที่น้อย และร้อน ต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ ถ้าเราปลูกหลายต้น มันจะหลอมรวมถักถอเป็นต้นเดียวและใหญ่มาก ถ้าเราควบคุมรูปทรงมันได้ ถ้าเรามีคอนโดบ้านหรืออาคาร เราจะปลูกต้นไม้อะไรก็ได้ แล้วมันจะเชื่อมโยงกันเอง”
นั่นคือ สิ่งที่กูสตันทำ และคิดว่าโครงการ Hyper Tree ของเขา จะช่วยโลกร้อนได้ ถ้าคนนำแนวคิดนี้ไปใช้
“ผมออกแบบให้ต้นไม้ดูแลธรรมชาติและดูแลคน ถ้าเราดูแลแค่มนุษย์แล้ วทำลายธรรมชาติ มันก็ผิด ผมจะทดลองทำในพื้นที่แถวนครปฐม แต่กำลังหาคนช่วยออกทุนให้โครงการ Hyper Tree ซึ่งแนวคิดนี้ผมเคยไปขึ้นเวทีที่ Ted ในประเทศอินเดีย ถ้าเอาต้นไม้สองมาเชื่อมต่อกัน จนกลายเป็นต้นไม้ต้นเดียวที่ใหญ่ ผมยังไม่เคยทำ แต่เคยมีคนทำในอเมริกาทำ บางต้นอายุ 80 ปี หรือในเยอรมันเคยทำสูงกว่าสี่ชั้น ถ้าผมทำ ก็ต้องมีเงิน แต่ยังไม่มีคนออกทุนให้ทดลอง”
2.
ถ้าจะออกแบบต้นไม้ให้กลายเป็นโครงสร้างของอาคารหรือบ้าน หรืออะไรก็ตาม วิธีการทำไม่ได้มีวิธีเดียว กูสตัน บอกว่า เขาออกแบบโดยใช้อิฐก่อจนเป็นผนัง แล้วนำต้นไม้หลายต้นมาปลูกจนเป็นผนังเชื่อมโยงกลายเป็นต้นเดียว
"ถ้าในเมืองไทยไม่มีคนอยากลงทุนให้ผมทดลอง ผมก็จะไปทำที่สิงคโปร์ หรือไม่ก็อินเดีย
ถ้าผมทำสำเร็จ เราก็จะขายไอเดียให้กับสถาปนิกที่สร้างคอนโด เพราะคนอินเดียสนใจมาก อยากทำเป็นเส้นทางถนนให้คนขี่จักรยาน ทำเป็นโครงสร้างต้นไม้ที่ทำเสมือนสิ่งก่อสร้างถ้าจะเอาต้นไม้เป็นส่วนประกอบคอนโดต้องใช้สองปีกว่าหรือสามปี โดยใช้ต้นไม้เป็นฐานราก แต่ต้องไม่สูงมาก
ตอนแรกๆทำสูงสองชั้น อีกห้าปีจะสูงห้าชั้น ส่วนสถาปนิกที่จะลองทำต้องเรียนรู้เยอะ
ถ้าทำเล็กๆ ก็สวยและสนุก แต่ถ้าทำเยอะๆ ในเมืองจะมีผล ทำให้พืช นกและสัตว์ต่างๆ มาอาศัยได้ทำให้พื้นที่ส่วนนี้เย็นขึ้น อย่างที่อินเดียทำสะพานจากต้นไม้มีชีวิต ถ้าทำแบบที่คนอื่นทำใช้เวลา 20-30 ปี แต่ถ้าทำตามแบบที่ผมคิดขึ้น Hyper Tree ใช้เวลาสองสามปีขึ้นไป"
3.
เรื่องที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้ เขาหาต้นไม้เล็กๆ ที่ขึ้นตามซอกอิฐ ซึ่งเป็นพืชพรรณต้นไม้ใหญ่ แล้วนำไปปลูกในตึกร้าง
“เมื่อโลกร้อนขึ้นทุกวัน แล้วทุกคนรู้สึกว่าเราทำอะไรไม่ได้ ก็ไม่ทำ เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องของรัฐบาล หรือบริษัทใหญ่ เราคนตัวเล็กๆ ทำอะไรไม่ได้
ไม่มีใครเชื่อว่า เราทำอะไรได้ ผมอยากบอกว่า ถ้าเราร่วมมือกัน ยกตัวอย่างถ้าเราปลูกต้นไม้ตามตึกร้าง ตึกหลังนี้ก็จะมีชีวิตเสมือนป่าในเมือง เราเก็บต้นไม้ใหญ่ ต้นเล็กๆ กว่าร้อยต้น เก็บแบบนี้เร็วกว่าเพาะพันธุ์ เรากำลังจะลองไปปลูกครั้งแรก เป็นส่วนหนึ่งที่เราทดลอง และ Hyper Tree ทำได้หลายแบบ ทำโครงสร้างเป็นต้นไม้"
เมื่อถามว่าเรื่องที่เขาทำ เป็นเรื่องยากเกินไปไหม กูสตัน บอกว่า ธุรกิจการทำคอนกรีต ก็ยากมาก ต้องระเบิดภูเขา แล้วต้องทำเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมน้ำ และโครงการนี้ก็ดีต่อโลก
"ปัญหาโลกร้อนมากๆในเมืองไทยคนยังไม่ค่อยเจอ แต่ในอินเดีย พวกเขาเคยเจอฝนไม่ตกติดต่อกันสองปี เขารู้ว่าต้นไม้สำคัญมาก แต่คนไทยยังไม่สนใจ และเมื่อ 15 ปีที่แล้วผมมาเมืองไทย คุยเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่มีใครสนใจ แต่ตอนนี้คนไทยสนใจ เพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ในชนบทเหมือนเดิม มีนาข้าว ไร่ผลไม้ และเด็กๆ ปั่นจักรยานไปโรงเรียน ในชนบทยังมีอยู่ แต่ในกรุงเทพฯ คนอยู่ในห้องแคบๆ ต้องเปิดแอร์
“ผมทำโครงการนี้ ต้องรู้เยอะเรื่องการออกแบบ ต้นไม้และสิ่งแวดล้อม แต่ผมไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจ ผมก็อยากหาคนที่ร่วมทุนทำโครงการนี้ ถ้าคนไทยไม่สนใจโ ผมก็จะไปทำที่อินเดีย อันนี้เหมือนความฝันของผม Hyper Tree ที่ผมคิดก็เป็นวิธีหนึ่ง แต่ในเยอรมันก็มีอีกวิธี ถ้าทำไม่สำเร็จก็เปลี่ยนวิธีเอาวิชาการทำให้เป็นธรรมชาติ"
เมื่อถามถึงแรงผลักดันที่ทำเรื่อง บูสตัน บอกว่า บางคนทำอาชีพ-ภูมิสถาปัตย์ก็อยากแค่ออกแบบทำอะไรสวยๆ โดยเฉพาะที่เมืองไทย
"คนที่ออกแบบคอนโดหรือบ้าน ก็ต้องทำให้สวย มีสวนสวยๆ เรื่องสิ่งแวดล้อมมาทีหลัง แต่สำหรับผมเรื่องสิ่งแวดล้อมต้องมาก่อน “
ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://www.bangkokbiznews.com