สนเปลือกขาว (whitebark Pines) เป็นพรรณไม้หลักของระบบนิเวศบนที่มีความลาดชันสูง เมื่อไม่นานมานี้พบว่าได้สนเปลือกขาวถูกแมลงปีกแข็งกัดกินอย่างหนัก เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิที่ก่อนหน้านี้แมลงปีกแข็งเหล่านี้จะเจริญเติบโตได้ช้าบนพื้นที่มีความลาดชันสูง แต่เมื่ออากาศร้อนมากขึ้น พวกมันกลับเจริญเติบโตขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเหตุให้พวกมันรบกวนและเริ่มกัดกินเปลือกต้นสนเปลือกขาว โดยปรากฏการณ์เหล่านี้เริ่มขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆตามแนวพื้นที่ และมีแนวโน้มว่าจะขยายออกไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิบนพื้นผิวโลกนั่นเอง
สนเปลือกขาว จัดเป็นพรรณไม้เบิกนำของระบบนิเวศแบบป่าสนประจำถิ่นทางตอนตะวันตกของนอร์ทอเมริกา มักจะพบตั้งแต่แคลิฟอร์เนีย ทางตอนใต้ของเนวาด้า ไปจนถึงทางต้นเหนือของเทือกเขาร็อคกี้ และ Cascades ถึงบริติชโคลัมเบีย และอัลเบอต้า ในส่วนตอนบน โดยสนเปลือกขาวจะเติบโตบนพื้นที่สูง เป็นแหล่งอาหารและแหล่งพักพิงให้กับสัตว์ในขณะที่พืชชนิดอื่นแทบจะอยู่ไม่รอดในพื้นที่แห่งนี้
จากข้อมูลในอุทยานแห่งชาติเยลโล่สโตน หมีกริซลีย์ สัตว์หนึ่งในสายพันธุ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่แห่งนี้เองยังได้อาศัยใช้ประโยชน์จากสนเปลือกขาวที่เติบโตได้ในพื้นที่ลาดเอียง ในช่วงก่อนการจำศีล หมีกริซลีย์จะเข้าไปเก็บเมล็ดสนเปลือกขาวที่สัตว์ชนิดอื่นเก็บซ่อนสะสมเอาไว้ตลอดก่อนที่ช่วงจำศีลจะมาถึง ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่เมล็ดสนจะมีขนาดใหญ่ เต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหาร ที่สุดในรอบปี แต่ถ้าหาเมล็ดสนซึ่งมีคุณภาพดีไม่ได้ หมีกริซลีย์เพศเมียก็มีความเสี่ยงหากเข้าไปอยู่ในช่วงจำศีลแม้ปริมาณอาหารสำรองจะน้อยมาก พร้อมทั้งมีความเสี่ยงต่อการให้กำเนิดลูกที่อาจจะมีอัตราการรอดตายน้อยลงเช่นกัน
นอกจากนี้ หากสนเปลือกขาวล้มตายลง พวกหมีกริซลีย์ก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกบีบบังคับให้ออกหาอาหารในพื้นที่ที่ต่ำลงไป ซึ่งจะเป็นการผลักให้พวกมันออกไปเผชิญกับอันตราย หรือถูกฆ่าโดยมนุษย์ก็เป็นได้ นั่นเป็นผลให้ในปี 2009 หมีกริซลีย์ในอุทยานแห่งชาติเยลโลสโตนถูกจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ขณะเดียวกันเมล็ดของสนเปลือกขาวก็ยังเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญต่อสัตว์ประเภทอื่นทั้งนก หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างกระรอกแดง เป็นต้น
นอกจากนั้น ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งของสนเปลือกขาวคือการเป็นร่มเงาและยึดแผ่นน้ำแข็งเอาไว้ไม่ให้น้ำแข็งพังทลายหรือละลายเร็วกว่าเวลาที่ควร การที่น้ำแข็งใช้เวลาในการละลายนี้ไม่เพียงแต่จะยังรักษาระดับอุณหภูมิของแม่น้ำซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาเทร้าต์ และสัตว์น้ำอื่นๆ แต่ยังสามารถช่วยรักษาคุณภาพทรัพยากรน้ำให้ผู้คนที่อยู่อาศัยแถบอเมริกันตะวันตกอีกด้วย
เห็นความสำคัญของสนเปลือกขาวหรือกระทั่งไม้ยืนต้นขนาดใหญ่แล้วใช่หรือไม่ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากต้นไม้เหล่านี้ตายลงด้วยสาเหตุจากน้ำมือมนุษย์ที่เรียกว่าการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิบนพื้นโลกหรือภาวะโลกร้อนนั่นเอง
โดยก่อนหน้านี้สนเปลือกขาวบนภูเขาเกือบกว่าครึ่งหนึ่งถูกเชื้อโรคจู่โจมและล้มตายลง ขณะที่กว่าร้อยละ 85 - 95 ในอุทยานแห่งชาติ Glacier เองก็ติดเชื้อด้วยเช่นกัน และถึงแม้ว่าสนที่ติดเชื้อจะใช้เวลานานกว่าจะตายลงแต่ทว่าเมล็ดของพวกมันกลับได้รับเชื้อโรคและส่งผลให้จำนวนเมล็ดที่เหมาะสำหรับเป็นอาหารของสัตว์ลดน้อยลงไปด้วย ไม่ใช่แค่เพียงเชื้อโรคเท่านั้น แมลงรบกวนสนภูเขาก็ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศภูเขาสูงเช่นกัน โดยแมงเล็กๆเหล่านี้จะทำอันตรายแก่ต้นสนด้วยการกัดกินเนื้อเยื่อสำคัญที่อยู่ใต้เปลือกแข็ง ซึ่งโดยปกติแล้วอากาศที่หนาวเย็นจะทำให้แมลงรบกวนพวกนี้ลงไปหากินในระดับความสูงที่ต่ำลงไป แต่เนื่องด้วยสาเหตุอุณหภูมิของโลกที่ร้อนมากขึ้น ส่งผลให้แมลงพวกนี้ขยายพื้นที่หากินในระดับความสูงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ต้นสนเปลือกขาวที่ไม่เคยมีภูมิคุ้มกันต่อแมลงพวกนี้มาก่อนถูกจู่โจมและทำลายอย่างที่ไม่มีทางป้องกันตัวเองได้
คำถามคือผลจะมีผลกระทบที่ตามมาอย่างไรบ้าง คำตอบคือ เมื่อแมลงเข้าจู่โจมทำลายต้นสนเปลือกขาวและราสนิมทำลายต้นไม้เรือนยอดที่ต่ำลงมาหรือต้นขนาดเล็กกว่าส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง โดยต้นสนเปลือกขาวจะถูกกำจัดออกไปจากระบบนิเวศภูเขาสูงตลอดจนภูเขาทั้งลูกจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องมาจากเนื้อเยื่อเปลือกต้นสนเปลี่ยนสีจากการยืนต้นตาย ต้นไม้สูงขนาดใหญ่ก็จะไม่หลงเหลือบนยอดเขาสูงอีกต่อไป กระทบเป็นลูกโซ่ไปยังสัตว์ ทั้งหมีกริซลีย์ นก กระรอก หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทอื่นๆ ให้ไม่มีอาหารหรือแหล่งที่อยู่อาศัย
จะเห็นได้ว่า แม้การกระทำจากมนุษย์เพียงเล็กน้อย ก็ก่อให้เกิดผลกระทบที่ตามมาซึ่งเป็นความเสียหายขนาดมหาศาล และเวลาในการทำลายย่อมสั้นกว่าเวลาในการซ่อมแซม เราจึงควรเริ่มต้นกันเสียตั้งแต่วันนี้ในการช่วยกันลด และหยุดภาวะโลกร้อน เพื่อไม่ให้ผลกระทบต่อพืช และสัตว์บนโลก ลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้
ที่มาของข่าวและรูปภาพประกอบ:: http://www.seub.or.th