facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 1425

มาครง งัด ทรัมป์ ยันปกป้องข้อตกลงสู้โลกร้อน

10 พ.ค. 60

หลังนายเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำพรรคออง มาร์ช (เดินหน้า) ฝ่ายเสรีนิยมสายกลาง อดีต รมว. เศรษฐกิจ วัย 39 ปี ชนะการเลือกตั้งเมื่อ 7 พ.ค. ได้เป็นประธานาธิบดีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส โดยเอาชนะนางมารีน เลอ เปน ผู้นำพรรคแนวร่วมแห่งชาติ (เอฟเอ็น) ฝ่ายขวาจัด ผู้ชูนโยบายประชานิยมต่อต้านสหภาพยุโรป (อียู) นั้น เมื่อ 9 พ.ค. นายมานูเอล วาลส์ อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งพรรคสังคมนิยมประกาศว่าพรรคสังคมนิยม “จบสิ้นแล้ว” และตนจะสนับสนุนมาครงในศึกเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใน 11 และ 18 มิ.ย.นี้

วาลส์เผยว่า ตนต้องการลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค “ออง มาร์ช ลา รีปูบลิก” (สาธารณรัฐเดินหน้า) ชื่อใหม่ของออง มาร์ช เพื่อให้พรรคนี้ได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ เขายังระบุว่าชัยชนะของมาครงส่งผลร้ายต่อขบวนการประชานิยมในยุโรป ทำให้ภาพลักษณ์ของฝรั่งเศสดีขึ้น ส่วนนายริชาร์ด เฟอร์รองด์ ประธานพรรคออง มาร์ช เผยว่าจะประกาศรายชื่อผู้ลงชิงเก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนฯ 577 คนใน 11 พ.ค.

ด้านโฆษกของมาครงและทำเนียบขาวสหรัฐฯเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ โทรศัพท์หารือกับนายมาครงราว 10 นาที โดยทั้งคู่ตกลงจะพบปะเจรจานอกรอบระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม ใน 25 พ.ค.นี้ มาครงยังยืนยันกับทรัมป์ว่าตนจะปกป้อง “ข้อตกลงปารีส” ต่อสู้กับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงหรือโลกร้อนที่นานาชาติบรรลุข้อตกลงกันที่กรุงปารีสในปี 2558 ทั้งยังหารือเรื่องการต่อสู้การก่อการร้าย เศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับยุโรป

นักวิเคราะห์ชี้ว่าแม้มาครงยังอ่อนหัดด้านการต่างประเทศ รวมทั้งเรื่องเกาหลีเหนือ แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ ขณะที่เกาหลีเหนือส่งสารแสดงความยินดีกับมาครงด้วย ด้านนายฟรองซัวส์ โอลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเดินทางเยือนกรุงเบอร์ลินในเยอรมนีเป็นประเทศสุดท้ายก่อนส่งมอบตำแหน่งให้มาครง 14 พ.ค.นี้ ขณะที่สถานีรถไฟ “แกร์ ดู นอร์ด” ในกรุงปารีสเปิดตามปกติแล้วหลังถูกตำรวจสั่งปิดและอพยพผู้คนระหว่างการไล่ล่าค้นหาผู้ต้องสงสัยเตรียมก่อการร้าย 3 คนแต่ไม่พบตัว

ส่วนการประชุมนานาชาติเพื่อหาทางบังคับใช้ข้อตกลงปารีสที่มี 196 ประเทศลงนามเป็นภาคีแล้วที่เมืองบอนน์ในเยอรมนีช่วง 8-18 พ.ค. ถูกบดบังด้วยความวิตกกังวลว่าสหรัฐฯจะถอนตัวจากข้อตกลงนี้ตามคำขู่ของทรัมป์ ขณะที่ทำเนียบขาวสหรัฐฯ มีกำหนดประชุมเพื่อตัดสินใจว่าจะถอนตัวจากข้อตกลงปารีสหรือไม่ใน 9 พ.ค. แต่ต้องเลื่อนการประชุมออกไปเป็นครั้งที่ 2


ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://www.thairath.co.th