โครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน เป็นแนวคิดที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการคลัง นำมาใช้เป็นมาตรการจูงใจภาคเอกชน หรือบุคคล ที่ต้องการจะปลูกป่าด้วยการบริจาคเงินผ่านโครงการนี้ก็จะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีตามกฎหมาย ซึ่งหากแนวคิดนี้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก็คาดว่าจะช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าได้มากขึ้น
ในปัจจุบันพื้นที่ป่าของประเทศไทยมีอยู่ 102.4 ล้านไร่ คิดเป็น 32เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งประเทศ และในอีก 20 ปีข้างหน้า รัฐบาลต้องการเพิ่มพื้นที่ป่าอีก 26 ล้านไร่ หรือเพิ่มขึ้นอีก 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ด้วยศักยภาพของรัฐบาลในการปลูกป่ารวมถึงการดูแลฟื้นฟู และปราบปรามผู้บุกรุกป่า สามารถทำได้เพียง 100,000 ไร่ต่อปีเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่จะเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ตามเป้าหมาย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงต้องการให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมช่วยปลูกป่า ดูแลและฟื้นฟูป่ามากขึ้น กว่าการทำกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSR ปลูกป่า จึงได้หารือกับกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับมาตรการลดหย่อนภาษีให้กับผู้ที่ต้องการผู้บริจาคเงินร่วมปลูกป่า ดูแลและฟื้นฟูป่า ผ่านโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน ที่ขณะนี้มีป่าชุมชนขึ้นทะเบียนไว้แล้วกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจากการหารือในเบื้องต้นกระทรวงการคลังได้รับหลักการไว้แล้ว และอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
ทั้งนี้หากมาตรการลดหย่อนภาษี จูงใจ ให้คนหันมาปลูกป่ามากขึ้นผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ภาคเอกชนสามารถบริจาคเงินผ่านคณะกรรมการร่วมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อรับเอกสารรับรองการบริจาคเงิน นำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ ภาคเอกชนที่ร่วมบริจาคยังได้รับใบรับรองการมีส่วนรวมดูแลปัญหาโลกร้อน จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ซึ่งช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้แต่ละบริษัทอีกด้วย
สำหรับเงินบริจาคที่ได้รับจะนำมาใช้ในกระบวนการปลูกป่า ดูแลและฟื้นฟูป่าชุมชนตามเป้าหมาย รวมถึงการสร้างฝายชะลอน้ำ เพื่อเพิ่มความชุมชื้นและรักษาระบบนิเวศ
ที่มาของบทความ : http://news.ch7.com
ที่มาของรูปภาพประกอบ : http://www.citizenthaipbs.net