facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 1_resize-31

มิตซูบิชิ จับมือเครือข่าย กรมป่าไม้ และ TGO ฟื้นฟูป่าชุมชนบ้านอ่างกระพงศ์ จ. ชลบุรี

10 ก.ย. 64

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ร่วมคืนความสมบูรณ์สู่ระบบนิเวศ จับมือเครือข่าย กรมป่าไม้ และ TGO ร่วมปลูกป่า 20 ไร่ ฟื้นฟูป่าชุมชนบ้านอ่างกระพงศ์

               เมื่อวันที่ 9 ก.ย.64 มร.โมะริคาซุ ชกกิ ประธานคณะกรรมการบริษัท บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และประธานมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า มิตซูบิชิ ขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่ให้การสนับสนุนเรามาโดยตลอดระยะเวลา 60 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เพื่อเป็นการสานต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ บนพื้นฐานของการคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศเพื่อความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

               ทั้งนี้ บริษัทฯ จึงได้มีการจัดตั้งมูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ขึ้นในฐานะองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมใน 3 ด้านหลักสำคัญ ได้แก่ 1.สิ่งแวดล้อม 2.สุขภาพและชีวอนามัย และ 3. การศึกษาและจริยธรรม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาและความมุ่งมั่นของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการดำเนินงานด้านกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาว ภายใต้ปณิธานสรรค์สร้าง เคียงข้าง สังคมไทย

               สำหรับกิจกรรมปลูกป่า ถือเป็นพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม ที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจของประเทศเพื่อความยั่งยืน โดยโครงการปลูกป่า 60 ไร่ เป็นความร่วมมือระหว่าง 4 หน่วยงาน ได้แก่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มูลนิธิ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กรมป่าไม้ และ องค์การบริหารจัดการ ก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO โดยจะมีการปลูกต้นไม้นานาชนิด อาทิ มะค่า พะยูง ตะเคียน ยางชาด สำรอง มะฮอกกานี เป็นต้น รวมจำนวนทั้งสิ้น 20 ไร่ ณ ป่าชุมชนบ้านอ่างกระพงศ์ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี

               นายอูฐ เชาวน์ทวี ผู้แทนกรมป่าไม้ กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ทั่วประเทศมีจำนวน 102,484,072.71 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 31.68 ของประเทศ จากนโยบายป่าไม้แห่งชาติที่กำหนดให้มีพื้นที่ป่าไม้ 40% ของพื้นที่ประเทศไทย การจะรักษาผืนป่าไทยให้ได้ครบตามเป้าหมายจึงมุ่งเป้าไปที่ป่าเศรษฐกิจและป่าชุมชน

               โดยสนับสนุนให้คนหันมาสนใจปลูกป่าเศรษฐกิจมากขึ้นในพื้นที่ของตน หรือพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต ดังนั้น กรมป่าไม้ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลัก ในการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ของชาติ จึงต้องการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปลูกป่า จะก่อให้เกิดความรักและหวงแหนป่าไม้

               สำหรับกิจกรรมปลูกป่านี้ กรมป่าไม้จะนำความรู้ที่มีมาให้คำแนะนำ ตั้งแต่การเริ่มปลูกต้นไม้ไปจนถึงการดูแลรักษาต้นไม้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงการเลือกพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่มาปลูก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไม้มีค่า ได้แก่ มะค่า พะยูง ตะเคียน ยางนา ประดู่ กระถินเทพา

               เมื่อโตขึ้นชุมชนสามารถนำไม้มาใช้ประโยชน์ทั้งจากเนื้อไม้หรือนำเศษไม้มาประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว นอกจากนี้ยังมีพรรณไม้ที่ชุมชนปลูกแล้วสามารถนำมาบริโภค ได้แก่ ไผ่ตง สะเดา ขี้เหล็ก สะตอ ซึ่งนอกจากนำมาบริโภคภายในครัวเรือนแล้ว ชุมชนยังสามารถเก็บผลผลิตมาจำหน่ายเป็นรายได้เสริมได้อีกทางหนึ่งด้วย 

               นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)
กล่าวว่า เราและกรมป่าไม้ ได้ร่วมกันดำเนินโครงการภาคีสนับสนุน ป่าชุมชนลดโลกร้อน เพื่อเชื่อมโยงภาคเอกชนให้เข้ามาสนับสนุนกิจกรรมปลูกป่า ผ่านกลไกสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme) หรือ เรียกว่าโครงการ LESS

               ทั้งนี้ ถือเป็นกลไกที่มุ่งสร้างความตระหนักในการลดหรือดูดกลับก๊าซเรือนกระจก และยกย่องผู้ทำความดีด้านการลดหรือดูดกลับก๊าซเรือนกระจก โดยกิจกรรมที่เกิดขึ้นนี้นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างการทำดีของภาคเอกชนในการช่วยลดโลกร้อนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของเราทุกคน และที่สำคัญยังเป็นแหล่งดูดกลับก๊าซเรือนกระจกซึ่งช่วยลดและบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่เราทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้อีกด้วย

ที่มา : ไทยรัฐ