มีการคาดการณ์ว่า นับตั้งแต่ปี 2050 เป็นต้นไป ยุโรปจะเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่แห้งแล้ง น้ำท่วม ไปจนถึงไฟป่าและคลื่นความร้อน
วารสาร Climatic Changes ตีพิมพ์รายงานฉบับล่าสุด เกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ ที่อาจเกิดขึ้นกับทวีปยุโรป โดยระบุว่า ภายในปี 2050 ยุโรปจะเผชิญกับปัญาไฟป่ารุนแรง น้ำจากแม่น้ำเอ่อท่วมพื้นที่โดยรอบ และลมพายุที่จะสร้างความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี นับตั้งแต่ปี 2050 เป็นต้นไป
นักวิจัยอธิบายว่า จุดที่จะได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติดังกล่าว ก็คือพื้นที่ริมชายฝั่ง และที่ราบน้ำท่วมถึง ที่อยู่ทางตอนใต้และตะวันตกของยุโรป ซึ่งถือเป็นบริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น และเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญ
นอกจากนี้ บริเวณภาคพื้นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก็จะเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายไม่แพ้กัน โดยจะมีทั้งแห้งแล้งอย่างหนัก น้ำท่วมบริเวณชายฝั่ง และคลื่นความร้อนที่จะแผ่เข้าปกคลุมภายในช่วงสิ้นสุดศตวรรษนี้
รายงานดังกล่าวต้องการให้รัฐบาลและองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย เตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติที่กำลังจะเกิดขึ้น และปรับกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในอนาคต
เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ตัวแทนของ 170 ประเทศทั่วโลกได้ลงนามกันที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่จะร่วมมือกันป้องกันไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลก เพิ่มขึ้นถึง 2 องศาเซลเซียส แต่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ด้วยปริมาณการบริโภคเชื้อเพลิงฟอสซิลในปัจจุบัน อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลก เพิ่มขึ้นถึง 4 องศาเซลเซียสหรืออาจจะมากกว่านั้นในอนาคต
ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบhttp://news.voicetv.co.th