facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 563

ยูเอ็นลดโลกร้อน ผลักดันทั่วโลกตระหนักนโยบายสีเขียว

10 มิ.ย. 58

ยูเอ็นเชิญซีอีโอหญิง เอสพีซีจี โชว์วิสัยทัศน์บนเวทีลดโลกร้อนที่เยอรมัน ฝาก UNHCC ผลักดันให้ทุกประเทศทั่วโลก เห็นความสำคัญในนโยบายสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม

น.ส.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานกรรมการ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG ได้รับเชิญจากองค์การสหประชาชาติ ด้านการลดสภาวะโลกร้อน (UNHCC) เข้าร่วมเสวนาหัวข้อ "ผู้นำแห่งการลดโลกร้อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ในอาเซียน ณ ประเทศเยอรมันนี ในฐานะผู้ได้รับรางวัลผู้นำสตรีที่เป็นผู้นำลดภาวะโลกร้อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ของยูเอ็น ซึ่งในเวทีนี้มีผู้นำด้านต่างๆ อีก 3 คนที่ยูเอ็นเคยมอบรางวัลด้านการลดภาวะโลกร้อนให้ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู ร่วมเสวนาด้วย

ทั้งนี้ น.ส.วันดีได้ฉายภาพยนต์ส่งเสริมการลงทุน ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ บีโอไอ เพื่อแนะนำประเทศไทย พร้อมเล่าถึงประสบการณ์การดำเนินโครงการณ์ โซลาฟาร์มเชิงธุรกิจ เป็นคนแรกของอาเซียนเมื่อ 5 ปีที่แล้วว่า หลังจากยุติทำงานไปแล้ว 2 ปี ได้หันมาทำโครงการโซลาฟาร์มเชิงธุรกิจ เพราะรัฐบาลสมัยนั้นมีนโยบายสนับสนุนด้านพลังงานหมุนเวียน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน พร้อมเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาลงทุนผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนทุกประเภท

น.ส.วันดี กล่าวว่า ส่วนตัวมีความเชื่อมันในพลังงานแสงอาทิตย์ว่า ประเทศไทยเหมาะสม เนื่องจากแสงแดดมีความเข้มข้น แต่ประเทศอื่นๆ ก็เลือกใช้พลังงานหมุนเวียนอื่น ตามสภาพพื้นที่ของแต่ละประเทศ ขณะเดียวกันนโยบายที่รัฐบาลไทยประกาศ ก็ไม่มีใครสามารถดำเนินการให้เกิดขึ้นจริง แต่เมื่อผ่านไป 8 เดือน จึงไปยื่นขอจัดสร้างโซล่าร์ฟาร์มกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 1 โครงการ แต่การไฟฟ้าฯ เห็นว่านโยบายนี้ใกล้จะหมดอายุแล้ว จึงขอร้องให้รับมาถึง 36 โครงการ จำนวน 260 เมกะวัตต์

น.ส.วันดี กล่าวว่า เมื่อรับมาแล้วจึงได้พบเหตุผลว่า สาเหตุที่ไม่มีใครทำโครงการโซล่าฟาร์มเพราะ ต้องใช้เงินลงทุนสูงมากถึงเมกกะวัตต์ละ 100 ล้านบาท เนื่องจากสมัยนั้นค่าแผงโซลาเซลแพงมาก เมื่อไปชวนเพื่อนให้มาร่วมลงทุนด้วย ก็ไม่มีคนมาทำด้วย ธนาคารพาณิชย์ต่างๆในไทยก็ไม่ยอมปล่อยสินเชื่อ ยกเว้นธนาคารกสิกรไทยแห่งเดียวที่ยอม ภายใต้เงื่อนไขต้องมีสถาบันการเงินระดับโลกคือ International Finance Corporation หรือ IFC ร่วมลงทุนด้วย จึงต้องบินไปยื่นเรื่องต่อ IFC โดยไม่รู้จักใครในองค์กรแห่งนี้เลย ไปครั้งแรกยื่นผิดที่ เพราะไปยื่นที่ฮ่องกง ในที่สุดก็ต้องบินไปยื่นที่ฟิลิปปินส์อีกครั้ง

“IFC เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม จึงสนับสนุนทั้งในรูปแบบทุนและเงินกู้ยืมสำหรับโครงการลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เงื่อนไขด้านสถาบันการเงินหมดไป แต่ทุนส่วนตัวจำใจต้องขายบ้าน 1 หลังและที่ดินส่วนตัวไปอีก 1 แปลง เพื่อให้มีทุนส่วนตัวสำหรับลงทุน ด้วยความมุ่งมั่นจะทำโครงการนี้ให้สำเร็จ โดยเลือกการลงทุนที่ดีที่สุดทั้งการออกแบบ การใช้วัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งการเลือกพื้นที่ โครงการโซล่าฟาร์มของ SPCG จึงประสบความสำเร็จ ทำให้กลุ่มต่างๆในไทยตื่นตัว ลงทุนตามมาอีกจำนวนมาก” น.ส.วันดีกล่าว

น.ส.วันดี กล่าวว่า สิ่งที่จำเป็นในเรื่องการลดภาวะโลกร้อน ต้องเริ่มที่คนในสังคมมีความเชื่อมั่น (passion) ร่วมกัน สำคัญสุดคือ รัฐบาลต้องมีนโยบายในเรื่องการส่งเสริม เช่น ไทยเป็นตัวอย่างในเรื่องการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน จนอาจจะกล่าวได้ว่า ไทยเป็นที่หนึ่งในอาเซียนในปัจจุบันนี้ จึงขอฝาก UNHCC ได้ผลักดันให้รัฐบาลต่างๆได้ให้ความสำคัญต่อนโยบายที่จะเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

ด้านนาย Christiana Figueres เลขาธิการของ UNHCC เป็นประธานกล่าวเปิดการระดมสมองว่า ขอขอบคุณผู้ที่ได้รับรางวัลจากการประชุมที่กรุงลิมา ประเทศเปรูทั้ง 3 คน ได้เสียสละเวลามาร่วมกันถ่ายทอดประสบการณ์ เพราะภาวะโลกร้อนเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อมนุษยชาติ ประเทศต่างๆก็ตระหนักกันดีอยู่แล้ว จึงมีฉันทามติร่วมกันที่จะลดภาวะโลกร้อนลง 1-2 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม น.ส.วันดี ถือเป็นมีผู้ประสบความสำเร็จของ UNHCC จากประเทศไทย ในการทำโครงการที่ช่วยลดภาวะโลกร้อน มาช่วยถ่ายทอดประสบการณ์ในการทำโครงการ และข้อเสนอแนะต่อที่ประชุมเพื่อโลกของเราร่วมกัน


ที่มาของข่าวและรูปภาพประกอบ:: http://www.khaosod.co.th