นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรั
พยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมประชุมนโยบายการเปลี่
ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจั
ดทำยุทธศาสตร์ระยะยาวการปล่อยก๊
าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย (Thailand Long-Term Strategies on Climate Change Mitigation) ร่วมกับหน่วยงานในสังกั
ดกระทรวงพลังงาน และองค์กรที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่
าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ณ ห้องบัญชาการยุทธศาสตร์ ชั้น 25 กระทรวงพลังงาน
สำหรับการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรก ในการหารือแนวทางลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย โดยมีผู้บริหารหน่วยงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ นางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางรุ่งนภา พัฒนภิบูลย์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นางชญานันท์ ภักดีจิตต์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เข้าร่วมประชุมด้วย
โดยที่ประชุมได้มีการหารือถึ
งความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรั
พยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกั
บกระทรวงพลังงาน ในการแก้ปัญหาสภาวะก๊าซเรื
อนกระจก อีกทั้ง ยังได้พิจารณาถึงนโยบายการเปลี่
ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการจั
ดทำยุทธศาสตร์ระยะยาวการปล่อยก๊
าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย ทิศทางการดำเนินงานนโยบายด้
านพลังงานของไทย การเข้าสู่ Carbon Neutrality Scenario ในภาคพลังงานของไทยและมุ
มมองของภาคเอกชน แนวทางการใช้กลไกทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อน Carbon Neutrality Scenario ของไทย
นายวราวุธ กล่าวถึงการประชุมครั้งนี้ว่า นโยบายแก้ปัญหาก๊าซเรือนกระจกนี้มีความสำคัญมาก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่ป่าของประเทศให้ได้ ร้อยละ 40 ของพื้นที่ทั้งหมด แต่จากผลการประเมินปริมาณการปล่อยยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) เทียบกับความสามารถในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂)ของพื้นที่ป่าไม้แล้ว ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality จึงต้องดำเนินมาตรการที่สำคัญอีกขั้น คือการหาแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมในการดำเนินชีวิตที่ดีต่อไป
“วันนี้ต้องขอบคุณภาคเกษตรกร โดยเฉพาะภาคของอ้อย ซึ่งที่ผ่านมามีการลดการเผาในการเกษตรไปกว่า ร้อยละ 80 และในภาพรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมด จำเป็นต้องเร่งสร้างการรับรู้ ความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน โดยมุ่งสร้างผลกระทบต่อวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนให้น้อยที่สุด เพื่อคุณภาพชีวิตของลูกหลานพวกเราในอนาคต” นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติม
ที่มา
สำนักพิมพ์บ้านเมือง