วันที่ 15 ก.ย. นี้ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะร่วมกับห้างร้าน 15 บริษัท งดให้บริการถุงพลาสติกและโฟม รณรงค์ให้ประชาชนทั่วประเทศพกถุงผ้าไปซื้อของเพื่อลดปริมาณถุงขยะเป็นครั้งที่ 2 หลังจากดีเดย์มาแล้วเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา

สำหรับ 15 บริษัท ประกอบด้วยบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต จำกัด บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (เทสโก้ โลตัส) บริษัท ซีอาร์ซี ไทยวัสดุ จำกัด บริษัท ซีอาร์ซี สปอร์ต จำกัด บริษัท เซ็นทรัลฟู้ด รีเทลจำกัด บริษัท เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป จำกัด บริษัท บิ๊กซีซุปเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด(มหาชน) บริษัท บีทูเอส จำกัด บริษัทพาวเวอร์บาย จำกัด บริษัท รังสิตพลาซ่าจำกัด และบริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสันจำกัด (มหาชน)

เหตุผลที่ต้องรณรงค์ให้ลดใช้ถุงพลาสติก เนื่องจากข้อมูลกรมควบคุมมลพิษ พบว่าประเทศไทยมีขยะพลาสติกและโฟม 2.7 ล้านตัน หรือเฉลี่ย 7,000 ตันต่อวัน ในจำนวนนี้เป็นถุงพลาสติกถึง 80% หรือ 5,300 ตันต่อวัน เจ้าถุงสีใสใบนี้ ต้องใช้เวลาย่อยสลายยาวนานถึง 450 ปี เฉพาะถุงพลาสติกที่คนไทยใช้ใน 1 ปี ถูกเปรียบเทียบว่าหากนำมาต่อกัน จะได้ระยะทางเท่ากับเดินทางไปกลับดวงจันทร์ 7 รอบเลยทีเดียว

ที่สำคัญทั้งกระบวนการผลิตและกำจัด ยังก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก สาเหตุหนึ่งของภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือ ภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้นทุกปี กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่กำลังคุกคามโลก

สังเกตได้จาก อากาศบ้านเรา ที่ร้อนระอุขึ้นทุกปี ที่เคยเปิดบ้าน ให้ลมโกรก กลับต้องเปิดพัดลมคลายร้อน ที่กระเป๋าหนักก็หันไปติดแอร์เย็นฉ่ำ ส่วนที่ขาดสตางค์ก็นั่งเหงื่อโชกทนร้อนกันต่อไป อากาศขาดความสมดุล ทั้งหนาวจัด ร้อนจัด ฝนตกหนักน้ำท่วมใหญ่ หน้าแล้งแสนสาหัส ถนนทรุดพัง ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ คร่าชีวิตคนทั่วโลกไปแล้วจำนวนมาก

หลายหน่วยงาน รวมทั้งกทม. พยายามรณรงค์ “ลด ละ เลิก” การใช้ถุงพลาสติก รวมทั้งการแยกขยะมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยกันลดโลกร้อน แต่ก็ได้ผลแบบวูบๆ วาบๆ จุดกระแสติดหน่อยก็ตื่นตัวกันนิดเดียวแล้วเงียบหายไป อย่างผลที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา แม้ประชาสัมพันธ์กันล่วงหน้า แต่ไม่ถึงกับโหมรณรงค์ ทำให้การรับรู้ไม่ทั่วถึง ผลที่ออกมาคือ ”จุดไม่ติด” ประชาชนอ้างว่าไม่ทราบ ยังใช้พฤติกรรมเดิมๆ ห้างร้านต่างๆ ต้องจ่ายถุงให้ใส่ของเหมือนเดิม

ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่การรณรงค์ยังไร้ผล เพราะที่ผ่านมา หน่วยงานและรัฐบาลไม่เอาจริงเอาจัง รณรงค์แบบไฟไหม้ฟาง และไม่กล้านำกฎหมายมาใช้บังคับหรือใช้มาตรการควบคุมถุงพลาสติกอย่างในต่างประเทศ อาทิ หากไม่เตรียมถุงผ้าไปต้องจ่ายเงินค่าถุง หรือประกาศให้เมืองนำร่องปลอดถุงเด็ดขาด เนื่องจากกลัวการต่อต้าน ขณะที่ ประชาชนเองยังมีบางส่วนที่เข้าใจผิดๆ ว่า ปัญหาโลกร้อนยังเป็นเรื่องไกลตัว หรือทราบว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่คิดว่า”ธุระไม่ใช่” ยังมีอุปนิสัยเดิมๆ ใช้ความเคยชิน และเอาความสะดวกสบายส่วนตัวเป็นหลัก ขี้เกียจพกถุงผ้า “ทำได้ตามใจคือไทยแท้” แม้แต่สถานที่ต่างๆ มีถังแยกขยะพิษ ขยะรีไซเคิล ขยะเปียก ก็ยังทิ้งรวมกัน ทำให้เลิกรณรงค์ไปโดยปริยาย

แต่ก็ยังดีที่ผู้เกี่ยวข้องไม่ถอดใจ เดินหน้ารณรงค์กันต่อ ทุกวันที่ 15 ของเดือน โดยห้างร้านจะเพิ่มป้ายประชาสัมพันธ์แจ้งประชาชน และจะพิจารณาเพิ่มการรณรงค์ให้ถี่ขึ้น สัปดาห์ละครั้ง หรือ 3 วันครั้ง อย่างน้อยๆ ก็ช่วยกระตุกกระตุ้นจิตสำนึกคนไทยไม่ให้ละเลยถึงปัญหาโลกร้อนนั่นเอง

ดังนั้นมาช่วยกันเปลี่ยนพฤติกรรม รวมพลังคนไทยลดใช้ถุงพลาสติก เหมือนพลังการปั่นจักรยาน เพื่อช่วยลดโลกร้อน

ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://www.dailynews.co.th