และหนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากก็คือ A New Climate for Doing Business ซึ่งเป็นการเสวนาที่พูดถึงการทำธุรกิจท่ามกลางสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากภาวะโลกร้อน โดยมีการพูดประเด็นสืบเนื่องมาจากงาน Paris 2015 Climate Summit (COP21) ซึ่งได้มีมติร่วมกันในช่วงท้ายปีก่อนในการรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยของผิวโลกไม่ ให้เกิน 2 องศาเซลเซียส แต่ Christiana Figueres เลขานุการฝ่ายบริหารของ UN Framework Convention on Climate Change (UNFCCC) ตัวแทนภาครัฐ กล่าวว่า มติที่เกิดขึ้นใน COP21 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เธอเน้นย้ำเราจำเป็นต้องมีแผนการลงมือที่จริงจัง เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมก่อนที่จะสายเกินแก้

ทางด้านตัวแทนภาคธุรกิจก็ได้แสดงมุมมองที่แตกต่างออกไป Doug McMillon ประธานบริษัท Wal-Mart ธุรกิจขายปลีกรายใหญ่ในอเมริกา และยังเป็นบริษัทแนวหน้าในการทำธุรกิจที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า แนวทางการทำธุรกิจที่ดีในปัจจุบันคือการทำสิ่งที่ถูกต้อง การพัฒนาวงจรต่างๆ ให้ได้มาตรฐาน ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการขาย เพื่อให้สอดคล้องกับมติดังกล่าวเป็นขั้นตอนที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจในอนาคต ซึ่งธุรกิจเองก็จะได้ประโยชน์ เช่น ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มศักยภาพในการผลิตจากการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยี

ตัวแทนภาคการลงทุน Stuart T. Gulliver ผู้บริหารจากธนาคาร HSBC Holdings ได้เสริมในประเด็นที่ว่า การบรรลุมติของ COP21 นั้น จะต้องใช้เงินทั้งหมด 5.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เราจึงจำเป็นต้องมีการร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายดัง กล่าว ภาคเอกชนมีเงินพร้อมลงทุนกับนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและช่วยลด Carbon Footprint ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้เกิดภาวะโลกร้อน แต่กระนั้นรัฐเองก็ต้องสนับสนุนเอกชนอย่างเป็นทางการ ทั้งในด้านนโยบายและกฎหมายต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนกับนวัตกรรมในระยะยาว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจหันมาสนใจในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

จากการประชุม World Economic Forum ครั้งที่ 46 นี้ เราจะเห็นได้ว่า การตระหนักรู้ต่อสถานการณ์ของโลกและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นสิ่งสำคัญ ในการทำธุรกิจต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ก็เพื่อการเติบโตของธุรกิจในโลกที่เปลี่ยนแปลง และการรักษาโลกที่เราอาศัยอยู่ไปพร้อมกัน

ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: http://27.254.32.5/news