facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • image_big_611119f850e4c

รายงานIPCCของยูเอ็นเตือนภาวะโลกร้อนวิกฤติเร็วกว่าที่คิด

10 ส.ค. 64

               คณะกรรมการโลกร้อนของยูเอ็นเปิดเผยรายงานประเมินการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเมื่อวันจันทร์ เตือนโลกกำลังจะเผชิญสภาพการณ์เลวร้ายในอนาคตอันใกล้กว่าที่คาดคิด ระบุอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสเหนือระดับเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรมภายในปี 2543 เร็วกว่าที่เคยทำนายไว้ 1 ทศวรรษอย่างเลี่ยงไม่ได้ และมนุษย์คือตัวการอย่างชัดเจน

               รอยเตอร์และเอเอฟพีกล่าวว่า รายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) ในสังกัดองค์การสหประชาชาติเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม มีออกมาล่วงหน้า 90 วันก่อนการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของยูเอ็นที่เมืองกลาสโกว์ของสกอตแลนด์ ที่รัฐบาลประเทศต่างๆ จะถูกกดดันให้ทุ่มเทความพยายามมากขึ้นในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนและสนับสนุนด้านเงินทุน เพื่อควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกินขีดกำหนด 1.5 องศาให้นานที่สุด

               รายงานฉบับนี้ใช้เวลารวบรวมวิเคราะห์ผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์มากกว่า 14,000 ฉบับเป็นเวลานานหลายปี และผ่านการตรวจทานและเห็นชอบจาก 195 ประเทศ ให้ภาพที่ครอบคลุมและมีรายละเอียดมากที่สุดแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเปลี่ยนโลกธรรมชาติอย่างไร และอะไรรอมนุษยชาติอยู่ข้างหน้า

               นักวิทยาศาสตร์กล่าวเตือนในรายงานว่า ระดับก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศสูงเพียงพอที่จะรับประกันจุดแตกหักของสภาพภูมิอากาศภายในไม่กี่ทศวรรษ หากมิใช่ในหลายศตวรรษข้างหน้า และผลกระทบจากภาวะโลกร้อนก็เกิดให้เห็นแล้วในยุคปัจจุบัน ทั้งคลื่นความร้อน, พายุเฮอริเคนที่ทรงพลัง และสภาพอากาศสุดขั้วต่างๆ ที่เป็นไปได้ว่าจะรุนแรงเพิ่มขึ้นด้วย

               อันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็น กล่าวว่า รายงานฉบับนี้เป็น "รหัสเตือนภัยระดับสูงสุดสำหรับมนุษยชาติ" ถือเป็นกริ่งสัญญาณเตือนที่ดังหูดับ และเป็นตะปูตอกฝาโลงสำหรับพลังงานจากถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิล ก่อนที่พวกมันจะทำลายโลกใบนี้

               ขีดกำหนด 1.5 องศาเซลเซียสจะมาถึงก่อนหน้าที่เคยคาดการณ์ไว้ 10 ปี หรือภายในปี 2573 นี้แล้วที่โลกจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่าช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม 1.5 องศาเซลเซียส เว้นเสียแต่จะมีการดำเนินการขนาดใหญ่อย่างรวดเร็วและทันที เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

               ไอพีซีซีระบุว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกนั้น "เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์อย่างชัดแจ้ง" และทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกปัจจุบันสูงกว่าของยุคก่อนอุตสาหกรรมแล้ว 1.1 องศาเซลเซียส และจะทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่านี้อีก 0.5 องศาเซลเซียส ถ้าไม่การลดผลกระทบจากมลภาวะในชั้นบรรยากาศ

               นักวิทยาศาสตร์กล่าวเตือนกันว่า โลกที่ร้อนขึ้น 1.5 องศา อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ควบคุมไม่ได้ซึ่งก่อผลลัพธ์ขั้นหายนะ เช่น อากาศร้อนถึงขั้นที่ปลูกพืชผลไม่ได้ หรือคนสามารถตายได้เพียงแค่ออกไปอยู่กลางแจ้ง

               อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 0.5 องศา จะเพิ่มความรุนแรงและความถี่ของความร้อนสุดขั้วและปริมาณน้ำฝนที่ตกหนัก รวมไปถึงความแห้งแล้งในบางภูมิภาค และเนื่องจากอุณหภูมิมีความผันผวนทุกปี นักวิทยาศาสตร์จึงใช้มาตรวัดภาวะโลกร้อนด้วยค่าเฉลี่ยทุก 20 ปี

               รายงานบอกอีกว่า ถึงแม้ภาวะโลกร้อนจะถูกชะลอไว้ได้ แต่เวลาก็ใกล้จะหมดลงแล้ว ถ้าโลกเราลดการปล่อยก๊าซลงได้อย่างฮวบฮาบ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกก็จะยังคงเพิ่มขึ้น 1.5 องศาภายในปี 2583 และอาจถึง 1.6 องศา ภายในปี 2603 แต่หากไม่มีการลดการปล่อยก๊าซฯ แล้วยังปล่อยให้เป็นไปตามที่คาดการณ์ โลกเราจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2.0 องศาภายในปี 2603 และ 2.7 องศาภายในสิ้นศตวรรษนี้.

ที่มา: ไทยโพสต์