ในขณะที่โลกกำลังตื่นตัวถึงความเดือดร้อนอันเนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิ อากาศ ที่ก่อปัญหาภาวะโลกร้อนจนส่งผลให้เกิดภัยธรรมชาติต่างๆ รวมถึงความสมดุลของระบบ นิเวศ ซึ่งแม้จะมีการทำข้อตกลงระดับนานาชาติเพื่อแก้ปัญหาด้วยการพยายามลดอุณหภูมิโลกลง แต่ก็มีความสงสัยจากนักวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมว่า หากตั้งสมมติฐานให้อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกสูงขึ้น มากกว่า 1.5 องศาเซลเซียสในช่วงปลายศตวรรษนี้ จะเกิดอะไรขึ้น
นักภูมิศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอูเทร็ชท์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ จึงได้ทำแบบจำลองสภาพภูมิ อากาศจำนวน 110 แบบ เพื่อศึกษาผลเปรียบเทียบแบบ พวกเขาพบว่า ธารน้ำแข็งบนภูเขาสูง แถบทวีปเอเชียมีแนวโน้มที่จะมีระดับความร้อนสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก มีการสูญเสียมวลน้ำแข็งไป ส่วนใหญ่ ยกเว้นในเขตเทือกเขาคุนหลุน ทางตะวันตกของประเทศจีน ซึ่งสรุปได้ว่าหากอุณหภูมิ เฉลี่ยสูงขึ้นกว่า 1.5 องศาเซลเซียส โดยขาดความพยายามควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาจส่งผลให้ธารน้ำแข็งเกือบ 2 ใน 3 ของทวีปเอเชียละลายหายไป แม้ว่าโลกจะบรรลุเป้าหมายลด อุณหภูมิลงได้ก็ตาม
นักวิจัยเผยว่า การบรรลุเป้าหมายลดอุณหภูมิโลกลง 1.5 องศาเซลเซียส จะช่วยประหยัด ทรัพยากรน้ำในเอเชียได้มาก แต่หากไม่เป็นไปดังที่คาดหวัง ก็จะต้องได้รับผลกระทบต่างๆ นานา ตามสัดส่วนความล้มเหลว ซึ่งการสูญเสียมวลน้ำแข็งจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสิบปีจน กว่าจะถึงจุดสมดุลใหม่
ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: https://www.thairath.co.th