ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก ดูเหมือนว่าอินเดียหนึ่งในผู้บริโภครายใหญ่ของโลก ซึ่งมีผลกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลก กำลังจะมีการเติบโตของ GDP แซงหน้าจีนภายในปี พ.ศ. 2558 ด้วยนโยบายเศรษฐกิจของอินเดียที่มุ่งขยายโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้าไปลงทุนในอินเดียมากขึ้น ปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานของอินเดียยังอยู่ในลำดับที่ 87 จากการจัดอันดับของ World Economic Forum ปัญหาประการหนึ่งของอินเดียก็คือประชากรมาก มีความหลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรม ประเทศอินเดียจึงอยู่ในสภาพของ “รวยกระจุก จนกระจาย” อย่างในปัจจุบัน เรามาดูกันว่าประเทศคนมาก ๆ อย่างอินเดีย เขาจะจัดการขยะกันอย่างไร ต้องประกาศเป็นวาระแห่งชาติหรือไม่ ดูที่เมืองหลวงอย่างกรุงเดลีกันเลย
กรุงเดลี เมืองหลวงของอินเดีย...ท่านทราบหรือไม่ว่า ประเทศอินเดียมีประชากรกว่าหนึ่งพันล้านคน แต่กลับมีประชากรที่อาศัยในเมืองหลวงเพียง 10 กว่าล้านคน ซึ่งเท่า ๆ กับกรุงเทพมหานครของเรา แต่เนื่องจากลักษณะการบริโภคที่มีความแตกต่างกับไทย องค์ประกอบของขยะจึงอาจแตกต่างกันบ้าง เมื่อเปรียบเทียบกับกรุงเทพมหานคร โดยองค์ประกอบขยะชุมชนของเมืองหลวงอินเดีย เป็นดังนี้
ขอมุ่งไปที่อำเภอ GHAZIPUR ในกรุงเดลีก่อน ภูเขาขยะขนาด 5 ล้านตัน ตั้งตระหง่านราวกับสถาปัตยกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นใจกลางกรุงเดลี ไปทางทิศตะวันตกราว 10 กิโลเมตร (คงไม่ต่างจากภูเขาขยะแถว ๆ ปากน้ำในไทยปัจจุบัน) โดยทางผู้บริหารกรุงเดลีได้ให้สัมปทานกับ บริษัท IL&FS Environmental Infrastructure & Service Limited อันเนื่องมาจากนโยบายการจัดการขยะของอินเดียมุ่งกำจัดขยะให้หมดไป โดยมีผลพลอยได้เป็นพลังงานไฟฟ้า ดังนั้นอัตราการจำหน่ายไฟฟ้าจึงยังไม่สูงนัก คิดเป็นเงินไทยแล้วก็ประมาณ 3-4 บาท/หน่วย แต่รัฐหันไปสนับสนุนด้านอื่นให้ผู้ประกอบการแทน เช่น การก่อสร้างโรงไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนค่ากำจัดขยะก็ยังถูกแสนถูก คือตันละประมาณ 350 – 400 บาท เท่านั้น
โรงไฟฟ้าพลังงานขยะของ IL&FS ขนาด 12 เมกะวัตต์ ใช้เชื้อเพลิงจากพลังงานขยะ 100 % ทั้งขยะใหม่และขยะเก่า โดยมีขยะใหม่ 2,000 ตันต่อวัน ขยะเก่าตกค้างอยู่กว่า 5 ล้านตัน หลังจากโรงไฟฟ้าโรงแรกสอบผ่าน จะมีการสร้างโรงไฟฟ้าขยะอีกหลายสิบเมกะวัตต์ให้เอกชนลงทุนทั้ง 100% ใครสนใจลองศึกษาดู
โรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่นี่เป็นแบบคัดแยกขยะ RDF: Refuse Derived Fuel ก่อนทั้งขยะเก่าและขยะใหม่ โดยใช้เครื่องจักรหลัก ๆ จากประเทศฟินแลนด์ เหมือนกับ TPIPL และ SCG ในประเทศไทย ส่วนการผลิตไฟฟ้าใช้ Boiler ชั้นดีที่ผลิตในอินเดีย สำหรับ Turbine ใช้ของ US ชื่อดังที่ผลิตในอินเดีย ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวกันพอดี ขณะนี้โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ RDF 100% ขนาด 12 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการทดสอบระบบ ซึ่งคาดว่าจะมี Grand Opening ภายในต้นปี พ.ศ. 2559 แฟนพันธุ์แท้ระบบผลิต RDF จากฟินแลนด์ สนใจไปชมติดต่อผ่านหนังสือ Energy Saving ได้เลย ที่นี่เป็นระบบกึ่งเปิดมองเห็นสายพานลำเลียงขยะและคนทำงานชัดเจน มีวิศวกรให้คำอธิบาย ดูตัวอย่างจากภาพถ่ายก็คงพอเข้าใจ
ต่อไปเราจะพาท่านไปชมโรงไฟฟ้าพลังงานขยะแห่งที่สอง ซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกับโรงแรกของกรุงเดลี รองรับขยะวันละ 2,000 ตัน เช่นกัน แต่ที่นี่ไม่มีขยะตกค้าง รับขยะวันต่อวัน มีการคัดแยกด้วยมือบ้าง (ไม่ให้เข้าไปชม) เทคโนโลยีจากประเทศจีนทั้งหมด เข้าใจว่าเป็นการร่วมลงทุนกับประเทศจีน ซึ่งอุปกรณ์โรงไฟฟ้าทุกชนิดจีนเป็นผู้ผลิต อุปกรณ์เหล่านี้ประเทศอินเดียก็สามารถผลิตได้เช่นกัน และคุณภาพเป็นที่ยอมรับได้ คณะเราได้มีโอกาสเดินด้านนอกก็นับว่าต้องขอขอบคุณทางโรงไฟฟ้าแล้ว เนื่องจากปกติจะไม่อนุญาตให้เข้าชม โรงไฟฟ้า 20 เมกะวัตต์แห่งนี้เปิดใช้งานเพียง 4 ปี แต่ดูภายนอกสภาพเหมือนว่าจะใช้งานมานาน
การผลิตไฟฟ้าหากมีการย่อยและคัดแยกปรับปรุงคุณภาพขยะให้เป็น RDF ก่อน นอกจากจะควบคุมไดออกซิน ซึ่งเป็นสารประกอบต้นเหตุมะเร็งได้ดีแล้ว ยังช่วยให้สามารถนำของที่ใช้ประโยชน์ได้มารีไซเคิลลดโลกร้อนอีกด้วย และที่สำคัญที่สุด ก็คือ ขยะ 2,000 ตันต่อวัน หากนำไปผ่านกระบวนการแปลงเป็น RDF จะผลิตไฟฟ้าได้ไม่น้อยกว่า 30 เมกะวัตต์ ปัจจุบันเป็นการเผาตรงจึงได้ไฟฟ้าเพียง 20 เมกะวัตต์ นอกจากนี้หากใช้เครื่องจักรกลแทนคนในการคัดแยกเป็นส่วนใหญ่แล้ว โรงไฟฟ้านั้นก็สามารถเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชมได้ ไม่เป็นระบบ Unseen Technology
ประเทศกำลังพัฒนาจะมีอะไรที่กำลังพัฒนาเหมือนๆ กัน เช่น การขออนุญาตตั้งโรงไฟฟ้าขยะที่อินเดีย ก็นับว่าปราบเซียนกว่าเมืองไทย ทั้งนี้ยังไม่รวมถึง PPA จากการศึกษาดูงาน 3 วัน ในกรุงเดลี ทำให้คณะของเรารักเมืองไทยมากขึ้น เราจะไม่ลืมเดลี..ไม่ลืมมโหรีเสียงแตร..ไม่ลืมวิธีการขับรถแบบวัดใจ แต่มีน้ำใจ ไม่มีอุบัติเหตุ..ไม่ลืมคนยากคนจนที่ออกมาขอทาน เพื่อฟ้องโลกนี้ว่า พวกเขายังไม่ได้รับการดูแล โลกควรหันกลับมาแบ่งปัน อย่าแข่งขันกันแบบประหัตประหารกันเลย...รักเธอประเทศไทย
ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ http://www.energysavingmedia.com