องค์กรอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ระบุว่า ปริมาณมลพิษที่เพิ่มขึ้นในชั้นบรรยากาศโลกในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนขึ้นในอัตราที่รวดเร็วเกินกว่าการคาดหมายอย่างมาก โดยพบว่าอุณหภูมิผิวโลกเฉลี่ยเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และคาดว่าภายในปี 2573 (คศ.2030) อุณหภูมิของโลกจะเพิ่มสูงขึ้นเกิน 2 องศา ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้หลายสิบปี

นาย Petteri Taalas เลขาธิการของ WMO เปิดเผยผ่านเว็ปไซต์วอยซ์ ออฟ อเมริกา เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2559 ว่า อุณหภูมิโลกในปัจจุบันสูงกว่าระดับอุณหภูมิของเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ราว 1 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่ามาถึงครึ่งทางของระดับอุณหภูมิที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นระดับที่อันตรายต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก คือ 2 องศาเซลเซียส

นาย Petteri Taalas กล่าวว่า แนวโน้มอุณหภูมิที่สูงขึ้นนี้จะดำเนินต่อไปโดยไม่มีทีท่าจะลดลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปรากฎการณ์เอลนีโญ่ ซึ่งเริ่มต้นเมื่อปี 2558 และต่อเนื่องมาถึงปี 2559 และหากอุณหภูมิเฉลี่ยพื้นผิวโลกเพิ่มขึ้นในระดับที่สูงกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม 2 องศาเซลเซียส จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศแบบรุนแรงสุดขั้วมากขึ้นและบ่อยครั้งขึ้น

“ปี 2558 ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นมากที่สุดเป็นสถิติใหม่ ขณะที่ปริมาณน้ำแข็งแถบทะเลอาร์กติกก็ลดลงอยู่ที่ระดับต่ำสุดเมื่อเดือน ก.พ. ของปีที่ผ่านมา และยิ่งลดลงอีกในเดือน ก.พ.ปีนี้ ขณะที่คลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมในหลายทวีปเมื่อปีที่แล้ว ได้ก่อให้เกิดไฟป่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในหลายพื้นที่” นาย Petteri Taalas กล่าว

นาย Petteri Taalas กล่าวอีกว่า ในปี 2558 ยังเป็นปีที่มีฝนตกหนักที่สุดในหลายประเทศ เช่น ในแถบอาฟริกา ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในมาลาวีอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขณะที่บางประเทศในอาฟริกา เช่น เอธิโอเปีย กลับมีความแห้งแล้งอย่างรุนแรง จนเกิดผลเสียต่อพืชผลทางการเกษตรและสุขภาพของประชาชน

ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ http://www.greennewstv.com