facebook
icon telephoneCall Center02-141-9790
ค้นหา
icon switch languageภาษา
ขนาดตัวอักษร
การแสดงผล
icon line icon youtube icon tiktok
banner_list
  • 1486

อียูกร้าว ไม่เริ่มเจรจาโลกร้อนใหม่ หลังสหรัฐฯ ถอนตัว ข้อตกลงปารีส

20 มิ.ย. 60

สหภาพยุโรปกร้าว ไม่เริ่มเจรจาโลกร้อนใหม่ หลัง ประธานาธิบดีทรัมป์ นำสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงปารีส ชี้กว่าจะได้ข้อตกลงร่วมกัน ยากลำบากมาก และได้รับการผลักดันจากเกือบ 200ภาคส่วน ที่ต้องการแก้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงจากภาวะโลกร้อน

19 มิถุนายน 2560 บุญธง ก่อมงคลกูล ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำเบลเยียม รายงาน มื่อวันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป 28 ประเทศ ที่ประเทศลักเซมเบิร์กได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการร่วมกันว่า “รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อการถอนตัวแต่เพียงฝ่ายเดียวของรัฐบาลอเมริกัน กับข้อตกลงกรุงปารีส” โดยแถลงการณ์ยังเน้นว่า ข้อตกลงกรุงปารีสเป็นความร่วมมือกันในช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก เป็นข้อตกลงระดับพหุภาคี ที่ได้รับการผลักดันจากเกือบ 200 ภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ภูมิภาค เมืองใหญ่ ชุมชน บริษัทเอกชน รวมทั้งหน่วยงานที่ไม่ใช่ภาครัฐทั่วทุกมุมโลก ในการที่จะแก้ไขปัญหาที่กำลังรุกรานพวกเราทุกคน

สหภาพยุโรป แถลงด้วยท่าทีแข็งกร้าวว่า ข้อตกลงที่ใฝ่ฝันแก้ไขปัญหาโลกร้อนนี้ ไม่สามารถที่จะหยิบยกขึ้นมาเจรจาใหม่ เป็นการตัดสินใจที่สิ้นสุดแล้วเพื่อให้มีการดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบและเร่งด่วน ถือเป็นความรับผิดชอบอย่างสูงของภาคเศรษฐกิจ ที่มีสัดส่วนในการก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกถึง 80%

”นั่นไม่ใช่เรื่องที่ดูหรูหราเลย แต่เป็นอะไรที่ไร้เดียงสาเสียมากกว่า” นางเฟรเดอริกา โมเกรินี ผู้แทนระดับสูงด้านการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ใช้คำพูดที่แข็งกร้าวมากในการแถลงข่าวในฐานะตัวแทนของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 28 ประเทศ ซึ่งถือเป็นการตอบโต้ทางการทูตอย่างเป็นทางการ ภายหลังการประกาศถอนตัวของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา

”ถือเป็นเรื่องของความมั่นคงปลอดภัยของคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นในแอฟริกา หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกและแคริบเบียน หรือในยุโรปแถบอาร์กติก ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก หรือ Climate Change” นางเฟรเดอริกา โมเกรินี กล่าวย้ำ “ขอให้คนทั้งโลกวางใจว่า สหภาพยุโรปจะเป็นผู้นำโลกในการต่อสู้กับสภาพการเปลี่ยนแปลงอากาศโลก” โดยอียูและประเทศสมาชิก ไม่เพียงแต่จะทำให้ข้อตกลงปารีสบรรลุผลเท่านั้น แต่เราจะเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทั่วโลก ที่จะให้หลักประกันว่า ความตกลงนี้จะต้องนำไปปฏิบัติ แม้ว่าจะมีการถอนตัวจากประธานาธิบดีทรัมป์ก็ตาม

ทั้งนี้ สหภาพยุโรปให้คำมั่นสัญญาว่า จะลดปริมาณการเกิดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 30% ภายในปี ค.ศ. 2030 จากระดับเดิมเมื่อปี 2005 โดยกำลังอยู่ระหว่างการออกกฎหมายเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้


ที่มาของบทความและรูปภาพประกอบ: https://www.thairath.co.th